เริ่มต้นที่ยุคเมืองมหานคร (Angkor អង្គរ) คลิก
ณ ที่นี้ ขอกล่าวถึงเฉพาะช่วงปลายกรุงศรีอยุธยา - รัตนโกสินทร์ เมืองขุขันธ์ดังได้กล่าวแล้วว่า โดยในฐานะเมืองในอดีตเป็นเมืองขนาดใหญ่ (ตั้งขึ้นเป็นเมืองก่อนเมืองใด ๆ ในจังหวัดศรีสะเกษ ) การปกครองบ้านเมืองของไทยในอดีตโดยเฉพาะในสมัยกรุงศรีอยุธยา สมัยกรุงรัตนโกสินทร์ตอนต้น จนถึงยุคปฏิรูปการปกครองเป็นมณฑลเทศาภิบาลนั้น ได้ยึดหลักเดิมที่สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ พระมหากษัตริย์องค์ที่ ๘ แห่งกรุงศรีอยุธยา ทรงกำหนดไว้จะมีวิธีการแตกต่างไปบ้าง ก็เพียงแต่ทรงมอบอำนาจไม่ให้เสนาบดีก้าวก่ายกัน อันมีสืบมาตั้งแต่สมัยสมเด็จพระเพทราชา ทั้งนี้ก็เพื่อให้เกิดความเหมาะสมกับยุคสมัยจึงยุติว่า กรุงรัตนโกสินทร์ปกครองแบบสมบูรณาญาสิทธิราชองค์พระมหากษัตริย์ปกครองแผ่นดินโดยทศพิธราชธรรมและทรงใช้อำนาจโดยสิทธิ์ขาด ผู้ใดจะขัดขืนต่ออำนาจหรือโต้แย้งพระบรมราชโองการมิได้ โดยกำหนดเป็นศูนย์ปกครองแยกเป็น 3 รูปแบบ ได้แก่
1. รูปแบบเมืองราชธานี
2. รูปแบบเมืองหัวเมือง
3. รูปแบบเมืองประเทศราช
สำหรับเมืองขุขันธ์ ถือว่าปกครองในรูปแบบหัวเมืองแบบจตุสดมภ์ คือเป็นแบบที่มีลักษณะที่คล้ายองค์กรปกครองราชธานี เริ่มมาตั้งแต่สมัยอยุธยา เป็นแบบเดิมของไทย โดยดัดแปลงมาจากแบบของเขมร อันเป็นวัฒนธรรมปกครองหัวเมือง "แบบเจ้าเมืองกินเมือง" แยกลักษณะองค์กรออกเป็น 5 ตำแหน่ง คือ คณะอาชญาสิทธิ์ ผู้ช่วยคณะอาชญาสิทธิ์ กรมการเมืองพิเศษ กรมการเมืองผู้ช่วยและพนักงาน
คณะอาชญาสิทธิ์ คือ คณะผู้บัญชาสิทธิ์ขาด เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า คณะกรรมการเมืองใหญ่ พระมหากษัตริย์ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ แต่งตั้ง "เจ้าเมือง" ผู้ว่าราชการเมือง หรือผู้สำเร็จราชการเมืองมีบรรดาศักดิ์เป็น พระ, พระยา, และ เจ้าพระยา ถือบรรดาศักดิ์ตามฐานะของเมืองทรงมอบอำนาจให้ปกครอง บังคับบัญชา ปลัดเมืองยกบัตรเมือง กรมการเมืองและราชการในเมืองนั้น ๆ ถ้ามีเมืองขึ้นให้บังคับบัญชาเมืองขึ้นด้วย และทรงโปรดเกล้าแต่งตั้งกรมการเมืองผู้ใหญ่ร่วมเป็นคณะอาชญาสิทธิ์ ประกอบด้วย
1. เจ้าเมือง
2. ปลัดเมือง
3. ยกบัตรเมือง
4. ผู้ช่วยราชการเมือง ( บางเมืองมีหลายคน )
5. กรมการพิเศษเมือง
ดังได้กล่าวมาแล้วว่า จุดกำเนิดของเมืองขุขันธ์สืบเนื่องมาจากสมัยอยุธยาเป็นราชธานี ซึ่งตรงกับรัชสมัยสมเด็จพระเจ้าเอกทัศน์ มีเหตุการณ์เกิดขึ้น คือ พญาช้างเผือกได้แตกโรงหนีจากอยุธยาเข้าป่ามุ่งสู่ชายแดนไทย - เขมร แถบภูเขาพนมดงรัก จึงได้โปรดให้นายทองด้วงและนายบุญมา สองพี่น้องที่เป็นทหารเอกแห่งกรุงศรีอยุธยาออกติดตามพญาช้างเผือก โดยมาถึงเมืองพิมาย เจ้าเมืองพิมายนำคณะไปพบหัวหน้าหมู่บ้านเขมรป่าดงในเขตสุรินทร์ แต่ยังมิได้ข่าวพญาช้างเผือกแต่อย่างใดจึงนำคณะไปพบกับหัวหน้าชาวเขมรป่าดงซึ่งเป็นพรานที่มีความชำนาญในการจับช้าง ชื่อว่า "ตากะจะ" และ "เชียงขันธ์" ที่อยู่บ้านปราสาทสี่เหลี่ยมโคกลำดวน จึงได้ข่าวว่ามีช้างเผือกมาอยู่กับฝูงช้างป่าจริง หัวหน้าเขมรป่าดงทั้ง 6 คน สามารถจับพญาช้างเผือกได้ และมอบให้คณะผู้ติดตามนำกลับกรุงศรีอยุธยาด้วยความปิติยินดีของคณะผู้ติดตามยังความดีความชอบของหัวหน้าเขมรป่าดงทั้ง 6 คน จึงได้รับโปรดเกล้า ฯ บรรดาศักดิ์ ในระดับ "หลวง" ทุกคน สำหรับ"ตากะจะ" หัวหน้าเขมรป่าดงบ้านปราสาทสี่เหลี่ยมโคกลำดวน ได้รับโปรดเกล้า ฯให้บรรดาศักดิ์เป็น "หลวงแก้วสุวรรณ" ทำหน้าที่นายกองหัวหน้าหมู่บ้าน และทำราชการขึ้นต่อเมืองพิมาย หลวงแก้วสุวรรณได้สร้างบ้านแปลงเมืองรวบรวมไพร่พลพอสมควรแล้วได้ทรงโปรดเกล้า ฯ ให้ยกฐานะ "บ้านปราสาทสี่เหลี่ยมโคกลำดวน" ขึ้นเป็น "เมืองขุขันธ์" และโปรดเกล้า ฯให้เลื่อนบรรดาศักดิ์ "หลวงแก้วสุวรรณ" เป็น "พระไกรภักดีศรีนครลำดวน" และบรรดาศักดิ์ครั้งสุดท้ายในราชทินนาม "พระยาไกรภักดีศรีนครลำดวน" เป็นเจ้าผู้ปกครองเมืองขุขันธ์เป็นคนแรก
ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2306 จนถึงปี พ.ศ. 2450 มีการเปลี่ยนตำแหน่งเจ้าเมืองเป็นตำแหน่งผู้ว่าราชการเมือง ทำให้มีเจ้าผู้ครองเมืองขุขันธ์ในฐานะบรรดาศักดิ์ "พระยาไกรภักดีศรีนครลำดวน" และ"พระยาขุขันธ์ภักดีศรีนครลำดวน เจ้าเมืองขุขันธ์" สืบทอดอำนาจปกครองโดยสืบสายสกุลต่อเนื่องจนถึงลำดับที่ 9 และเมื่อเข้าสู่สมัยปฏิรูปการปกครองเป็นมณฑลเทศาภิบาลทำให้ตำแหน่ง "เจ้าเมืองกินเมือง" หรือ "เจ้าเมือง" หมดไป โดยเปลี่ยนเป็นตำแหน่งผู้ว่าราชการเมืองจนกระทั่งปัจจุบันเป็นตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดในที่สุด
เมืองขุขันธ์มีผู้ปกครองในตำแหน่ง เจ้าเมือง รวม ๙ ลำดับ ดังนี้ (โปรดคลิกที่รูปเจ้าเมืองแต่ละท่าน เพื่ออ่านประวัติ)
1. พระยาไกรภักดีศรีนครลำดวน หรือ ตากะจะ
หรือหลวงแก้วสุวรรณ เป็นเจ้าเมืองขุขันธ์ท่านแรก
(ตากะจะ - พุทธศักราช ๒๓๐๒ - ๒๓๒๑)
2. พระยาขุขันธ์ภักดีศรีนครลำดวน เจ้าเมืองขุขันธ์ท่านที่ ๒
(เชียงขันธ์ หรือ หลวงปราบ - พุทธศักราช ๒๓๒๑ - ๒๓๒๕)
3. พระยาขุขันธ์ ภักดีศรีนครลำดวน เจ้าเมืองขุขันธ์ท่านที่ ๓
( ท้าวบุญจันทร์ หรือ พระไกร - พุทธศักราช ๒๓๒๕ - ๒๓๖๙)
ในหนังสือหอสมุดวชิรญาณ กล่าวถึงชื่อท่านอีกชื่อหนึ่ง ในช่วงเกิดกรณีวิวาทเจ้าเมืองขุขันธ์ กับหลวงยกกระบัตรผู้น้องรบกันขึ้น เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๖๙ เรียกว่า พระยาไกรสรสงครามเจ้าเมืองขุขันธ์
4. พระยาขุขันธ์ภักดีศรีนครลำดวน เจ้าเมืองขุขันธ์ท่านที่ ๔
( ท้าวทองด้วง หรือ พระสังฆะบุรี - พุทธศักราช ๒๓๗๑ - ๒๓๙๓)
5. พระยาขุขันธ์ภักดีศรีนครลำดวน เจ้าเมืองขุขันธ์ท่านที่ ๕
( ท้าวใน หรือ หลวงภักดีภูธรสงคราม - พุทธศักราช ๒๓๙๓ )
6. พระยาขุขันธ์ภักดีศรีนครลำดวน เจ้าเมืองขุขันธ์ท่านที่ ๖
( ท้าวนวน หรือ พระแก้วมนตรี - พุทธศักราช ๒๓๙๓ )
7. พระยาขุขันธ์ภักดีศรีนครลำดวน เจ้าเมืองขุขันธ์ท่านที่ ๗
(ท้าวกิ่ง หรือ หลวงภักดีภูธรสงคราม - พุทธศักราช ๒๓๙๓ - ๒๓๙๕)
8. พระยาขุขันธ์ภักดีศรีนครลำดวน เจ้าเมืองขุขันธ์ท่านที่ ๘
(ท้าววัง หรือ พระวิชัย - พุทธศักราช ๒๓๙๕ - ๒๔๒๖)
9. พระยาขุขันธ์ภักดีศรีนครลำดวน เจ้าเมืองขุขันธ์ท่านที่ ๙
(ท้าวปาน หรือ ปัญญา ขุขันธิน - พุทธศักราช ๒๔๒๖- ๒๔๔๐
/ ผู้ว่าราชการเมืองขุขันธ์ พ.ศ. ๒๔๔๐ - ๒๔๕๐)
ได้รับโปรดเกล้าพระราชทานนามสกุล "ขุขันธิน")
หมายเหตุ
- ปีพุทธศักราช ๒๔๔๐ โปรดเกล้าฯ เปลี่ยนตำแหน่ง เจ้าเมืองขุขันธ์ เป็นตำแหน่ง ผู้ว่าราชการเมืองขุขันธ์
- ปีพุทธศักราช ๒๔๔๙ ย้ายเฉพาะศาลากลางเมืองขุขันธ์ จากที่ตั้งเดิม(อำเภอเมืองขุขันธ์) ไปตั้งบริเวณศาลากลางเมืองศีร์ษะเกษ แต่ยังคงใช้ชื่อ ศาลากลางเมืองขุขันธ์ ส่วนพื้นที่อำเภอเมืองขุขันธ์ยังอยู่ที่ตั้งเดิม
จวนผู้ว่าราชการจังหวัดขุขันธ์ เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๔๐ - ๒๔๔๙ ตำแหน่งที่ตั้งเดิมอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ ของ สนง.ปศุสัตว์อำเภอขุขันธ์ บริเวณโรงฆ่าสัตว์(เก่า) ของเทศบาลตำบลเมืองขุขันธ์ที่เคยสร้างทับโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ปัจจุบันได้รื้อถอนออกไปหมดแล้ว เชื่อว่าน่าจะช่วยเสริมให้ดวงเมืองขุขันธ์ดีขึ้น และจะเจริญรุ่งเรืองยิ่งขึ้นต่อไปในภายภาคหน้าฯ |
- ปีพุทธศักราช ๒๔๕๐ ยุบเมืองศรีสะเกษและเมืองเดชอุดม โดยให้อำเภอที่ขึ้นกับเมืองทั้งสองไปขึ้นกับเมืองขุขันธ์
- ปี พุทธศักราช ๒๔๕๙ โปรดเกล้าฯ เปลี่ยนชื่อเมืองขุขันธ์ เป็นชื่อจังหวัดขุขันธ์
- ปี พุทธศักราช ๒๔๖๐ เปลี่ยนชื่ออำเภอเมืองขุขันธ์ เป็น อำเภอห้วยเหนือ
- ปีพุทธศักราช ๒๔๘๑ เปลี่ยนชื่อจังหวัดขุขันธ์ เป็นชื่อจังหวัดศีร์ษะเกษ เปลี่ยนชื่อ อำเภอห้วยเหนือ เป็นชื่อ อำเภอขุขันธ์ ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา
- ปีพุทธศักราช ๒๔๘๒ ประเทศของเราเดิมชื่อ ประเทศสยาม(Siam)
เปลี่ยนชื่อมาเป็น ประเทศไทย (Thailand )
วีดิทัศน์ประวัติเมืองขุขันธ์โดยสังเขปที่กล่าวถึงเริ่มต้นจากวีรกรรมการตามจับช้าง
ในช่วงตอนปลายกรุงศรีอยุธยา สำหรับเวอร์ชั่นที่เริ่มต้นจาก พ.ศ. 1580
ยุคเมืองมหานคร อยู่ระหว่างดำเนินการจัดทำ...ครับ
ในช่วงตอนปลายกรุงศรีอยุธยา สำหรับเวอร์ชั่นที่เริ่มต้นจาก พ.ศ. 1580
ยุคเมืองมหานคร อยู่ระหว่างดำเนินการจัดทำ...ครับ