ศาลหลักเมืองโบราณของเมืองขุขันธ์ ตั้งอยู่มุมสี่แยกตลาดขุขันธ์ และอยู่มุมตะวันตกเฉียงใต้ของวัดกลาง วัดอัมรินทราวาส ในเขตเทศบาลตำบลห้วยเหนือ ส่วนจะสร้างสมัยเจ้าเมืองท่านใดไม่ปรากฏหลักฐานที่แน่ชัด แต่ประเพณีการสร้างศาลหลักเมืองมักนิยมตั้งพร้อมการสร้างเมือง เนื่องจากจวนเจ้าเมืองและที่ทำการต่าง ๆ มีการย้ายบ่อยตามคุ้ม หรือตามถิ่นฐานของผู้ที่จะดำรงตำแหน่งเจ้าเมือง แม้แต่การตั้งเมืองขุขันธ์ครั้งแรกพงศาวดารตอนหนึ่งได้กล่าวไว้ว่า ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ให้ตากะจะเป็นหลวงแก้วสุวรรณ ยก "บ้านปราสาทสี่เหลี่ยมโคกลำดวน" ขึ้นเป็นเมือง ชื่อว่า "เมืองขุขันธ์ "
หลักเมืองขุขันธ์ เดิมทีชาวบ้านเรียกว่า “อารักษ์กลางมืง” หรือ "ตากลางเมือง" (ภาษาเขมรท้องถิ่นอำเภอขุขันธ์) แปลเป็นภาษาไทยได้ความว่า “เทพารักษ์กลางเมือง” ต่อมาเรียกว่า “หลักเมือง” ภายในศาลมีเสาหลักเมืองโบราณ สูงจากพื้นถึงยอดเสาประมาณ 140 ซม. และมีก้อนหินเก่าแก่สองก้อนตั้งอยู่ข้างๆ แต่เดิมเป็นศาลไม้หลังเล็ก ๆ ประมาณ 60 ปีที่ผ่านมา ชาวจีนตลาดขุขันธ์ได้ร่วมกันสร้างอาคารครอบศาลขึ้นมาใหม่ ดังที่เห็นกันอยู่ในปัจจุบันนี้ และมีการซ่อมแซมมาโดยตลอด
แต่เดิมในเดือนธันวาคมของทุกๆปี ชาวอำเภอขุขันธ์จะประกอบพิธีเซ่นไหว้บูชาหลักเมือง และต่อมาในปัจจุบัน ชาวอำเภอขุขันธ์ได้มีการประกอบพิธีบูชาหลักเมืองร่วมด้วยในงานเทศกาลแซนโฎนตาของเมืองขุขันธ์เป็นประจำทุกปี
สมัยก่อนข้าราชการที่เดินทางมารับตำแหน่งต่าง ๆ ของเมืองขุขันธ์ โดยเฉพาะนายอำเภอ จะต้องมาเซ่นไหว้บอกกล่าวทุกคน ข้าราชการที่ย้ายมาจากภาคกลางกลัวมากเรื่องไข้ป่า บางคนย้ายมาอยู่จนกระทั่งได้ย้ายกลับจะไม่ยอมให้ครอบครัวมาด้วยเลยเนื่องจากกลัวไข้ป่าจะเอาชีวิตนั่นเอง ปัจจุบันทุกอย่างได้เปลี่ยนแปลงไปตามความเจริญของบ้านเมือง เรื่องราวในอดีตจึงเป็นเพียงคำบอกเล่าต่อ ๆ กันมาเท่านั้น
การแก้บนหลักเมือง นอกจากการแก้บนด้วยหัวหมู สุรา บุหรี่ อาหารคาวหวานแล้ว สมัยก่อนมีการแก้บนด้วย ลิเก และภาพยนตร์ เมื่อประมาณ ๔๐ ปีที่แล้ว คุณยายทองนาค กองทอง คุ้มบ้านภูมิใต้ เคยนำลิเกมารำถวายหลักเมืองหลายครั้ง
การแก้บน คือ การบนบานศาลกล่าวในสิ่งที่มีความทุกข์ร้อน หรือต้องการให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์บันดาลให้ เมื่อสำเร็จแล้วก็มีการแก้บนตามคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้ ทุกวันนี้การแก้บนด้วยภาพยนต์ และลิเกไม่มีให้เห็นอีกแล้ว และศาลหลักเมืองก็ได้ชำรุดทรุดโทรมไปตามกาลเวลาและอยู่บริเวณสถานที่คับแคบ รอการบูรณะใหม่จากชาวขุขันธ์เพื่อให้เป็นที่เชิดหน้าชูตาของบ้านเมืองซึ่งกำลังเจริญขึ้นตามยุคสมัย ให้สมกับเป็นสถานที่ยึดเหนี่ยวติดใจ อันเก่าแก่ที่ทรงคุณค่าคู่เมืองขุขันธ์อีกด้วย