ภายในบริเวณวัด มีพระอุโบสถเก่าแก่ และได้รับการบูรณะปฏิสังขรมาแล้ว สองครั้ง ทางด้านทิศตะวันออกของพระอุโบสถจะมีองค์เจดีย์เก่าแก่(ลักษณะรูปทรงคล้ายองค์เจดีย์ที่ตั้งอยู่บริเวณทิศตะวันออกของโรงเรียนบ้านแทรง) ปรากฏอยู่สององค์
ใกล้องค์พระเจดีย์ มีสระน้ำเก่าแก่ทรงสี่เหลี่ยมจตุรัส ๑ แห่ง อยู่ด้านตะวันออกมีมาแต่เมื่อใดไม่มีใครบอกได้ แต่เป็นที่ประหลาดใจแก่ชาวบ้านมาถึงทุกวันนี้ ก็คือ สระน้ำดังกล่าว น้ำไม่เคยเหือดแห้งเลย เพียงแต่ตื้นเขินไปตามกาลเวลา ส่วนในปัจจุบัน เจ้าอาวาสวัดบ้านแทรงได้ขุดลอกให้ลึกมากขึ้น แต่ก็ยังคงอนุรักษ์ลักษณะสภาพรูปทรงเดิมของสระน้ำไว้ให้คนรุ่นหลังได้เห็น และแวะเวียนมาศึกษาเผชิญสืบตลอดไป
หมายเหตุ
สำหรับ คำว่า "แทรง" นั้น น่าจะออกเสียงเพี้ยนมาจากรากศัพท์เดิมเป็นคำภาษาเขมร 2 คำ ได้แก่ ទ្រាំង อ่านว่า เตรียง กับคำว่า ត្រែង อ่านว่า แตรง สำหรับรายละเอียดดังนี้
1. น่าจะมาจากคำว่า ទ្រាំង อ่านว่า เตรียง แปลว่า ต้นลาน เป็นไม้ยืนต้นชนิดหนึ่งอายุหลายปี กาบใบ เรียงซ้อนกันรอบต้น ใบเดี่ยว แผ่นใบรูปพัด เส้นใบออกจากจุดเดียวกัน ก้านใบเป็นราง ยาว 1-3 เมตร ขอบมีหนามแหลมคม เรียงกันคล้ายฟันเลื่อย ช่อดอก แบบช่อแยกแขนงออกที่ปลายยอด ชูตั้งขึ้น เป็นพืชใบเลี้ยงเดี่ยวที่อยู่ในตระกูลปาล์ม เป็นพันธุ์ไม้ดึกดำบรรพ์ มีถิ่นกำเนิดในอเมริกาและแถบเมดิเตอร์เรเนียน ส่วนใหญ่จะชอบขึ้นอยู่ในที่มีอากาศชื้นเย็น มีฝนตกมาก ปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมได้ดีที่สุด ในดินที่มีความชื้นสูง ดินมีการระบายน้ำได้ดี ไม่ชอบน้ำขัง ต้นลานมีความคงทนต่อภัยธรรมชาติเป็นอย่างดี ต้นเล็กถึงแม้จะถูกไฟไหม้ก็จะงอกขึ้นได้ในโอกาสต่อไป เพราะรากของต้นลาน ฝังลงในดินลึกมาก
![](http://2.bp.blogspot.com/-qoO7dq0wB7Y/Tk8zR0aXmYI/AAAAAAAACU4/RdsnEvvWAE8/w640-h482/otop1166439590.jpg)
1) ยอดลานอ่อน (ใบลานอ่อน) เป็นที่จารึก หนังสือพระธรรมคำสั่งสอนในพระพุทธศาสนา โดยการใช้เหล็กแหลมจารบนใบลานแล้วใช้ยางรักทา เอาทรายลบยางรักจะแทรกในตัวหนังสือที่จารเป็นเส้นดำ หรือจะใช้เขม่าไฟแทนก็ได้ เรียกหนังสือใบลานเหล่านี้ว่า "คัมภีร์ใบลาน" นอกจากนี้ ยังนิยมนำมาใช้จักสานทำผลิตภัณฑ์ของใช้ อาทิ เช่น หมวก งอบ พัด กระเป๋า เสื่อ ภาชนะในครัวเรือน เครื่องประดับตกแต่งบ้าน เช่น โมบายรูปสัตว์ ปลาตะเพียน ฯลฯ
2) ใบลานแก่ ใช้มุงหลังคาและทำผนังหรือฝาบ้าน บางแห่งใช้ใบลานเผาไฟเป็นยาดับพิษอักเสบฟกช้ำบวมได้เป็นอย่างดี ซึ่งเรียกทั่วไปว่า "ยามหานิล"
3) ก้านใบ ใช้ทำโครงสร้าง ไม้ขื่อ ไม้แป และผนัง บางแห่งใช้มัดสิ่งของแทนเชือกเหนียวมาก ส่วนกระดูกลาน (ใกล้กับบริเวณหนามแหลม) มีความแข็ง และเหนียวมากกว่าส่วนอื่นของก้านใบ ใช้ทำคันกลดพระธุดงค์ นอกจากนี้ยังใช้ทำขอบภาชนะจักสานทั่วไป เช่น ขอบกระด้ง ตะแกรง กระบุง ตะกร้า เป็นต้น
4) ลำต้น นำมาตัดเป็นท่อน ๆ สำหรับนั่งเล่นหรือใช้ตกแต่งประดับสวน ทำฟืนเป็นเชื้อเพลิงหุงต้ม
5) ผล ลูกตาลอ่อนนำเนื้อในมารับประทานแบบลุกชิดหรือลูกจาก ส่วนเปลือกรับประทานเป็นยาขับระบายดี บางแห่งใช้ลูกลานทุบทั้งเปลือก โยนลงน้ำทำให้ปลาเมา แต่ไม่ถึงตาย สะดวกแก่การจับปลา
6) ราก ใช้ฝนรับประทานแก้ร้อน ขับเหงื่อ แก้ไข้หวัด เป็นต้น
2. น่าจะมาจากคำว่า ត្រែង อ่านว่า แตรง ต้น “ แตรง ” หรือตรงกับภาษาไทยคือ ต้นอ้อ ขึ้นมากมายบริเวณทางเข้าหมู่บ้าน โดยเฉพาะทางทิศตะวันตกของโรงเรียนบ้านแทรงบริเวณทางแยกไปบ้านใจดีในปัจจุบัน หรือทางหลวงชนบทสาย ศรีสะเกษ ก็เลยเรียกตามชื่อพืชชนิดดังกล่าวก็อาจจะเป็นได้
ชื่ออื่น ๆ หญ้าอ้อ ดอกอ้อ ในภาคเหนือบางทีเรียกกันว่า อ้อหลวง ส่วนภาคกลางเรียก อ้อใหญ่
ชื่อสามัญ
Reed grass} Giant reed} Great reed
ชื่อวิทยาศาสตร์
Arundo donax L.
ชื่อวงศ์
POACEAE (GRAMINEAE)
ลักษณะของต้นอ้อ
ต้นอ้อ เป็นไม้ล้มลุก จำพวกหญ้า มีอายุหลายปี มักขึ้นเป็นกอ สูง 2-8 เมตร ลำต้นเป็นปล้องตั้ง ตรง ภายในกลวง แตกกิ่งก้านบ้างเล็กน้อย ลำต้นกว้าง 1.5-3 ซม. ปล้องสั้น กาบหุ้มลำต้น ยาว 10-15 ซม. ยาวกว่าปล้องมาก มีลายตามยาว สีออกนวล เกลี้ยง หรือมีขนยาว ที่รอยต่อของกาบ ใบและตัวใบมีลิ้นใบ (ligule) ยาว 2-3 มม. ขอบจักหรือเป็นชายครุย
ใบอ้อ ยาวประมาณ 45-60 ซม. โคนใบ กว้าง 4-6 ซม. มีลายตามยาว เนื้อใบหนา ปลายเรียวแหลมเป็นหางยาว มักจะพับลง เกลี้ยง ขอบใบสา
ดอกต้นอ้อ ออกดอกที่ยอดเป็นช่อใหญ่กระจาย ยาว 30-75 ซม. ดอกหนาแน่น ช่อดอกแตกกิ่งมากมาย ยาวประมาณ 15-30 ซม. มีขนยาวคล้ายขนนก ช่อดอกย่อย (spikelet) ยาว 13-17 มม. ประกอบด้วยดอก 4-5 ดอก กาบช่อย่อยกาบล่าง ยาว 11-14 มม. มีเส้นตามยาว 5 เล้น กาบบน รูปแคบ ๆ ยาว 11-14 มม. มีเส้นดามยาว 3 เส้น ปลายแหลมบาง กาบล่างของดอก รูปใข่แกมรูปหอก ยาว 10-15 มม. มีขนยาวและหนาแน่นใกล้โคน ขนยาวประมาณ 10 มม. บาง ปลายแหลม ที่โคนมีเส้นตามยาว 7-8 เส้น กาบบนของดอก ยาว 6-11 มม. เป็นเยื่อบางใส กว้าง ปลายมน หรือ ตัด ขอบมีทั้งขนธรรมดา และขนแข็ง ๆ เกสรเพศผู้มี 3 อัน อับเรณูยาว 2-2.2 มม. เรียวเล็ก สีเหลือง รังไข่เกลี้ยง ก้านเกสรเพศเมียสั้น ๆ 2 อัน ปลายเกสรเพศเมียยาวประมาณ 1 มม. มีขนสี นํ้าตาลแกมเหลือง ยาวคล้ายขนนก
ต้นอ้อ ชอบขึ้นตามที่ราบลุ่มชื้นแฉะทั่วไป
ประโยชน์ของต้นอ้อ คือ
1. ด้านสมุนไพร นํ้าต้มรากกินเป็นยาขับปัสสาวะ,นํ้าต้มเหง้าต้นอ้อเป็นยาระบาย ขับ ระดู และห้ามการหลั่งนํ้านมของสตรี ต้นอ้อเป็นชื่อที่เรียกกันโดยทั่วไป
2. ดอกหญ้า (ดอกอ้อ)สามารถนำไปทำไม้กวาดได้
3.ลำต้นที่แข็ง สามารถนำมาทำลูกธนูได้