วัดบกจันทร์นคร เดิมมีเนื้อที่ ๙ ไร่เศษ ต่อมาขุนศรีสุภาพพงษ์ (บุญนาค ศรีสุภาพ) บุตรเขยของพระยาขุขันธ์ท่านที่ ๙ (ท้าวปัญญา ขุขันธิน พ.ศ. ๒๔๒๖ - ๒๔๕๐) ได้ถวายที่ดินทางทิศตะวันออกให้วัดจำนวนประมาณ ๕ ไร่


สมัยก่อนอุโบสถวัดบ้านบกหลังคามุงด้วยกระเบื้องไม้ไม่มีผนังทั้งสี่ด้านภายในอุโบสถ มีพระพุทธรูปโบราณสององค์และพระไม้หนึ่งองค์เป็นพระประธาน ลักษณะศิลปะลาวล้านช้าง (หรือลาวช้าง) พระพุทธรูปสององค์นี้ คงจะนำมาจากประเทศลาว เมื่อครั้งหลวงปราบ(เชียงขันธ์)ร่วมทัพไปตีกรุงศรีสัตนคนหุต (เวียงจันทน์) พ.ศ. ๒๓๒๑ โดยสมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกพระยศในขณะนั้น ทรงเป็นแม่ทัพ และโบราณวัตถุอีกหลายชิ้นล้วนฝีมือลาวล้านช้างทั้งสิ้น ต่อมาภายหลังสิ่งของโบราณเหล่านี้ได้สูญหายไปเกือบทั้งหมดสิ้น หน้าอุโบสถมีเจดีย์เก่าแก่หนึ่งองค์มีมาแต่โบราณ เรียกว่า "เจดีย์สิม" เป็นเจดีย์เก่าแก่คู่มากับวัด และชาวบ้านเล่าลือกันว่ามีความศักดิ์สิทธิ์มาก

ชุมชนวัดจันทร์นครในอดีต มีชุมชนอยู่ ๒ ชุมชนซึ่งอยู่ในหมู่บ้านเดียวกัน ได้แก่
๑. ชุมชนที่ประกอบด้วย บ้านบกและบ้านแดงจะมีภาษาพูดเป็นภาษาลาว มีวัฒนธรรมคล้าย ๆ ชาวลาว เนื่องจากเป็นกลุ่มชนที่ เมื่อครั้งที่ไทยชนะศึกสงครามที่ เวียงจันทน์ แล้วหลวงปราบได้กวาดต้อนเอาพลเมืองชาวลาวกลับมาด้วย โดยเฉพาะได้นางคำเวียง หญิงหม้ายตระกูลสูงพร้อมบริวารให้มาพำนักตั้งหลักแหล่งอยู่ ณ บ้านบก โดยท่านได้นางคำเวียง เป็นภรรยา ซึ่งลูกชายติดนางคำเวียงมาด้วยก็คือ "พระไกร " หรือ พระยาขุขันธ์ภักดีศรีนครลำดวน เจ้าเมืองคนที่ ๓ นั่นเอง ซึ่งยังมีทายาทเชื้อสายชาวลาวปรากฏอยู่ ณ ชุมชนบ้านบกและบ้านแดงจนทุกวันนี้
๒. ชุมชนที่อยู่คุ้มทิศตะวันตกของวัดจันทร์นคร เป็นชนเผ่าที่พูดภาษาเขมร เรียกคุ้มบ้านนี้ว่าคุ้มบ้านวัง หรือบ้านเวียง ( ซรกกะนงเวียง ) เป็นบ้านที่อยู่ของเจ้าเมืองขุขันธ์เดิม