๑. วงปี่พาทย์เครื่องห้า มีเครื่องดนตรีที่ผสมในวง โดยมีวิธีการบรรเลงและหน้าที่ต่าง ๆ กัน ดังนี้
๑) ปี่ใน เดินทำนองถี่ ๆ บ้าง โหยหวนเป็นเสียงยาวบ้าง มีหน้าที่ดำเนินทำนองและช่วยนำวงด้วย
๒) ระนาดเอก ตีพร้อมกัน 2 มือเป็นคู่ 8 เดินทำนองเก็บถี่ ๆ โดยตลอดมีหน้าที่เป็นผู้นำวง
๓) ฆ้องวงใหญ่ ตีพร้อมกัน 2 มือบ้างตีมือละลูกบ้าง มีหน้าที่ดำเนินทำนองเนื้อเพลงเป็นหลักของวง
๔) ตะโพน ตีมือละหน้า ให้เสียงสอดสลับกัน มีหน้าที่กำกับจังหวะหน้าทับให้รู้วรรคตอนของเพลง และเป็นผู้นำกลองทัดด้วย
๕) กลองทัด ตีห่างบ้างถี่บ้างตามแบบแผนของแต่ละเพลงที่กำกับจังหวะย่อย ให้รู้จังหวะเบาจังหวะหนัก
๒. วงปี่พาทย์เครื่องคู่ มีเครื่องดนตรีเพิ่มขึ้นจากวงปี่พาทย์เครื่องห้าอีก ๒ ชิ้น คือ
๑) ระนาดทุ้ม ตีพร้อมกันทั้งสองมือบ้าง ตีมือละลูกบ้าง หรือมือละหลาย ๆ ลูกบ้าง มีหน้าที่สอดแทรกหยอกล้อยั่วเย้าไปกับทำนองให้สนุกสนาน
๒) ฆ้องวงเล็ก ตีเก็บถี่ ๆมือละลูกบ้างมือละหลาย ๆ ลูกบ้าง มีหน้าที่สอดแทรกทำนองในทางเสียงสูงปี่พาทย์เครื่องคู่นี้ เกิดขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 3 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์
๓. วงปี่พาทย์เครื่องใหญ่ มีเครื่องดนตรีเพิ่มขึ้นจากวงปี่พาทย์เครื่องคู่อีก ๒ ชิ้น คือ ระนาดเอกเหล็ก และระนาดทุ้มเหล็ก ตีพร้อมกัน ทั้งสองมือเป็นคู่ ๘ เดินทำนองถี่ ๆ บ้างตีกรอบ้าง เช่นเดียวกับระนาดเอก แต่มีหน้าที่เพียงช่วยให้เสียงกระหึ่มขึ้นเท่านั้นไม่มีหน้าที่นำวง ปี่พาทย์เครื่องใหญ่นี้ เกิดขึ้นในสมัยรัชกาลที่ ๔ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์
ในวงปี่พาทย์ทั้งเครื่องห้า เครื่องคู่และเครื่องใหญ่นี้ ถ้าการบรรเลงบางตอนเห็นควรมีฉาบเล็ก ฉาบใหญ่หรือโหม่งก็นำมาผสมได้ โดยมีหน้าที่ดังนี้ ฉาบเล็กตีได้ทั้งให้ข้าง ๆ กระทบกัน หรือตี ๒ ฝา เข้าประกบกัน มีหน้าที่หยอกล้อ ยั่วเย้าไปกับฉิ่ง หรือให้สอดคล้องเข้ากับทำนองเพลง ฉาบใหญ่ตี ๒ ฝาเข้าประกอบกันตามจังหวะต่าง ๆ ถ้าเป็นเพลงสำเนียงจีนก็ตีให้เข้ากับทำนอง โหม่ง ตีตรงปุ่มด้วยไม้ตีตามจังหวะ มีหน้าที่ควบคุมจังหวะต่าง ๆ
การบรรเลงปี่พาทย์โดยปกติระนาดเอกและฆ้องวงใหญ่จะใช้ไม้แข็งตีแต่ถ้าต้องการให้มีเสียงนุ่มนวลไม่ตีเป็นไม้นวมเสียทั้ง ๒ อย่าง เรียกว่า “ปี่พาทย์ไม้นวม” ถ้าบรรเลงประกอบการขับเสภา ซึ่งมีร้องส่งก็เอาตะโพน และกลองทัดและปี่ในออกเอกปี่ชวาและกลองมลายูเข้ามาแทน ส่วนงานศพจะใช้เฉพาะปี่พาทย์นางหงษ์