ความเป็นมา
“ครุ” เป็นภาชนะตักน้ำของชาวบ้านภาคอีสานซึ่งสานจากไม้ไผ่นำมาลงน้ำมันยางและชันสามารถกักเก็บน้ำได้ปัจจุบันได้มีการพัฒนารูปแบบของ “ครุ” ให้เล็กลง สามารถนำมาประดิษย์เป็นของที่ระลึกได้
บ้านสะอาง หมู่ ๑๒ ตำบลห้วยเหนือ อำเภอขุขันธ์ จังหวัดศรีสะเกษ เป็นหมู่บ้านที่ชาวบ้านมีฝีมือในการจักสานไผ่เป็นของใช้ได้หลายชนิด โดยเฉพาะครุไม้ไผ่ ซึ่งมีความผูกพันกับชีวิตประจำวันของทุกคนในครอบครัว เริ่มจากการสานครุไม้ไผ่ขนาดใหญ่สำหรับบรรจุน้ำ ตักน้ำ ใส่ปลา มาตั้งแต่บรรพบุรุษ และมีการผลิตทั้งเพื่อใช้ในครอบครัวและจำหน่ายในตลาดอำเภอขุขันธ์ หรือนำไปแลกข้าว ต่อมาครุไม้ไผ่ขนาดใหญ่ขายยากเนื่องจากมีครุสังกะสีเข้ามาและ ราคาของ“ชัน”ที่ใช้ยาครุมีราคาแพงขึ้น (ปัจจุบันราคา ก.ก.ละ ๔๕ บาท) ค่าใช้จ่ายในการสานครุใบใหญ่จึงสูงขึ้น ชาวบ้านจึงเลิกสานครุไม้ไผ่ ตั้งแต่นั้นมา
ต่อมาเมื่อปี พ.ศ. ๒๔๙๔ นายอุทิศ ดวงจันทร์ (อดีตเป็นนายอำเภอปราสาท) ได้ริเริ่มสาน “ครุ” ให้มีขนาดเล็กลงเป็นคนแรกเรียกว่า “ครุน้อย” และนำไปขายที่อำเภอขุขันธ์และขายได้ดี เพื่อนบ้านเห็นว่ารายได้ในการขายครุน้อยเป็นรายได้ที่ดี จึงเริ่มหัดทำและยึดเป็นอาชีพเสริมตลอดมา
“ครุน้อย” อาจถือว่าเป็นเครื่องจักสานที่มีขนาดเล็กที่สุดในโลก เพราะมีขนาดเล็กมากเท่าเม็ดกระดุมเสื้อเม็ดเล็ก เพราะผู้สานจะต้องเหลาไม้ไผ่เท่ากับ เส้นผม หรื่อเท่ากับเส้นด้าย แล็วใช้ปลายนิ้วค่อย ๆ สอดให้เป็นรูปร่าง จากนั้นเติมแต่งให้เป็นขา และส่วนที่เป็น “หู” แล้วนำไปชุบกับนำมันยาง และชันก็จะได้ครุน้อยตามขนาดที่ต้องการ
วัสดุอุปกรณ์ การผลิต
- ไม้ไผ่นวล ไม้ไผ่สีสุก ไม้ไผ่ลำมะลอก ชนิดใดชนิดหนึ่ง
- มีดโต้ ใช้ผ่าไม้ไผ่ให้เป็นชิ้น มีดตอก ใช้สำหรับเหลาไม้ไผ่ให้เป็นเส้นตอกตามต้องการ
- กรรไกร สำหรับตัดขอบปากครุน้อยเมื่อสานเสร็จเรียบร้อยแล้ว
- เข็มสำหรับเขี่ยเส้นตอกที่สานให้เข้าลายตามที่ต้องการ
- น้ำมันยาง สำหรับทาครุก่อนจะนำไปลงชัน เพื่อให้ชันเกาะติด
- ชัน ช่วยให้ครุไม่เกิดรอยรั่ว สามารถเก็บน้ำได้ มีวิธีการทำโดยนำน้ำมันยางมาคลุกเคล้ากับชันที่บดเป็นผงละเอียดแล้วนำไปยาอุดรูรั่วของครุที่จักสานด้วยไม้ไผ่
ขั้นตอนการผลิตและการเตรียมวัสดุอุปกรณ์
ขั้นที่ ๑ นำไม้ไผ่มาจักเป็นเส้นตอกตามขนาดที่ต้องการ
ขั้นที่ ๒ นำตอกที่ได้มาเหลาให้เกิดความบางตามต้องการ
ขั้นที่ ๓ นำตอกที่บางตามต้องการแล้วนำมาจักเป็นเส้น
- เส้นแบน ใช้เนื้อไม้ไผ่ เพราะมีความอ่อนสามารถสานได้ง่าย ไว้สำหรับสานครุ
- เส้นแบบกลมใช้ตรงเปลือกไม้ไผ่ที่มีสีเขียวหรือที่เรียกว่าผิวไม้ไผ่ ไว้สำหรับม้วนตัวครุ (มีความแข็ง ทำให้ครุมีรูปทรงที่สวยงาม)
ขั้นที่ ๔ นำตอกแบนมาตัดแบ่งตามขนาดของครุ เพื่อนำมาเริ่มต้นสานครุ
ขั้นที่ ๕ เมื่อนำตอกเส้นกลมมาสานเริ่มตัวครุ สานจนรอบแล้ว ประมาณ ๒ รอบ ให้นำตอกแข็งมาขัดก้นครุ ทำขวางกันทั้ง ๒ ด้าน
ขั้นที่ ๖ เมื่อสานตัวครุได้ ประมาณ ๓ รอบ ให้เริ่มหักมุมก้นครุด้วยลายขึ้น ๑ ลง ๓ ขึ้น๑ ลง ๓ ไปเรื่อย ๆ จนรอบตัวครุ
ขั้นที่ ๗ เมื่อสานตัวครุได้ขนาดตามต้องการแล้วตัดขอบปากให้ตอกมีความเสมอกัน
ขั้นที่ ๘ เมื่อตัดตอกมีความเสมอกันแล้ว เริ่มสานขอบปากครุ ด้วยตอกกลม ๔ เส้น เริ่มต้นด้วยการ ขึ้น ๓ ลง ๕ ทำอย่างนี้ไปเรื่อย ๆ ทำพร้อม ๆ กัน ทั้ง ๔ เส้น จนได้ขนาดแล้วจึงตัดขอบปากออก
ขั้นที่ ๙ เมื่อสานขอบปากเสร็จเรียบร้อยแล้วตัดตอกที่เหลือออกให้เรียบร้อย จะได้ตัวครุที่สวยงาม
ขั้นที่ ๑๐ เมื่อตัดปากเรียบร้อยแล้ว นำตอกกลมมาใส่เป็นขาครุทั้ง 4 ข้าง
ขั้นที่ ๑๑ เมื่อใส่ขาเรียบร้อยแล้ว เสียบ “งวง” ที่จับก็ได้ตัวครุน้อยที่สมบูรณ์
ขั้นที่ ๑๒ นำครุที่สานเรียบร้อยแล้ว นำมาชุบน้ำมันยาง โดยชุบให้ทั่วตัวครุ
ขั้นที่ ๑๓ นำครุที่ชุบน้ำมันยางแล้วมาคลุกชัน เพื่อกันรั่วแล้วนำไปผึ่งแดด ให้แห้งแล้วนำไปล้างด้วยน้ำมันก๊าดแล้วขัดเงาด้วยการทาแล็กเกอร์
วิธีสานครุน้อย
ขั้นที่ ๑ เริ่มจากการสาน ก้นครุ ก่อนโดยนำเอาตอกแบบที่ตัดไว้ตามขนาดที่ต้องการมาขึ้น ก้นครุ โดยใช้ตอกแบน ๓ เส้น เป็นตัวยืนในการสาน กับเส้นที่หนึ่งเริ่มสานขึ้น ๑ ลง ๑ ทำสลับกันกับตัวยืน ๓ เส้น เส้นที่สองเริ่มสานลง ๑ ขึ้น1ทำสลับกันกับตัวยืน ๓ เส้น เช่นเดียวกับเส้นที่หนึ่ง ทำอย่างเส้นที่สองสลับกันไปจนครบ๑๑ เส้น
ขั้นที่ ๒ นำตอกแบนมาสานต่อจากขั้นที่ ๑ โดยใช้ตอก ๑๑ เส้นเช่นเดียวกัน โดยเส้นที่หนึ่งจะขึ้นต้นด้วย ขึ้น ๒ ลง ๓ ขึ้น ๓ เส้นที่สองจะ ลง ๑ ขึ้น ๒ ลง ๓
ขั้นที่ ๓ นำตอกกลมมาสานเป็นตัวครุ เริ่มต้นด้วย ขึ้น ๑ ลง ๓ ขึ้น ๓ ลง ๓ ขึ้น ๑ ลง ๓ ทำเช่นนี้จนรอบแล้วดึงเส้นยืน ๓ เส้นออก
ปัจจุบันได้มีการพัฒนารูปแบบเป็นของตกแต่งบ้าน ของใช้ ของที่ระลึก เช่น พวงกุญแจ ดอกไม้ พวงผลไม้ เข็มกลัดติดเสื้อ ต่างหู แจกันดอกไม้ ของที่ระลึก กรอบรูปพวงองุ่นฯลฯ ทำให้มีลูกค้าสนใจ สามารถขายได้มากขึ้น และถือเป็นอาชีพเสริมที่ทำรายได้มาสู่ครอบครัวให้ชาวบ้านสะอาง หมู่ที่ ๑๒ ตำบลห้วยเหนือ อำเภอขุขันธ์ จังหวัดศรีสะเกษ ได้เป็นอย่างดี