ขุขันธ์ เมืองเก่า ชนทุกเผ่าสามัคคี บารมีพระแก้วเนรมิตวัดลำภูคู่หลวงพ่อโตวัดเขียน กระอูบ เกวียน ครุน้อย เครื่องจักสาน ปราสาทโบราณเป็นศรี ประเพณีแซนโฎนตา...ต้นไม้จะอยู่ได้ก็เพราะราก ชาติจะอยู่ได้ก็เพราะวัฒนธรรม การทำลายต้นไม้ ง่ายที่สุด คือทำลายที่ราก การทำลายชาติไม่ยาก ถ้าทำลายวัฒนธรรม...ไร้รากเหง้า วัฒนธรรม วิถีชีวิต และจิตวิญญาณ ไร้เรา...

วันอาทิตย์ที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2560

"ผู้รู้ตกนรก คนโง่ขึ้นสวรรค์" ​เป็นสำนวนสุภาษิตภาษาท้องถิ่นเขมรอีสานใต้บ้านเรา

         มีสำนวนสุภาษิตภาษาท้องถิ่นเขมรอีสานใต้บ้านเรา...กล่าวไว้อย่างน่าสนใจอีกสำนวนหนึ่งว่า "ผู้รู้ตกนรก คนโง่ขึ้นสวรรค์" ...บางท่านอาจมีความสงสัยว่า ผู้รู้ตกนรกได้อย่างไร? และคนโง่เขลาขึ้นสวรรคได้อย่างไร ?....
 
          จริงๆแล้ว สำนวนสุุภาษิตนี้ มี 2 ความหมาย กล่าวคือ

ความหมายแรก ผู้รู้มาก ฉลาดมาก แต่ใช้ความรู้ความฉลาดของตนเอง ไปในทางไม่ดีและไม่ถูกต้องเหมาะสม จึงตกอยู่ในความประมาท คิดว่าใครอื่นจับผิดตนไม่ได้ คิดว่ากรรมชั่ว คงไม่ส่งผล อนาคตจึงร่มร้อนและย่อมเสื่อมเสียในที่สุด เปรียบเสมือนคนตกนรก ส่วนคนที่ไม่รู้ หรือคนธรรมดาสามัญ ปฏิบัติตนและดำรงชีวิตอยู่อย่างพอเพียงตามอัตภาพ ทำอะไรก็เกรงกลัวต่อการทำผิดและการทำความชั่ว ซึ่งบุคคลอื่นก็สามารถจับผิดได้ง่าย จึงไม่กล้าทำผิด ชีวิตจึงอยู่สุขสบาย เปรียบได้กับขึ้นสู่สวรรค์...ประมาณนั้น

ความหมายที่สอง นี่บอกถึงสภาพวิถีชีวิตการดำรงชีวิตของคนในโลกปัจจุบันนี้ ว่าเต็มไปด้วยความชิงดีชิงเด่น อิจฉาริษยากัน เห็นใครทำความดีเกินตัวเป็นไม่ได้ ก็หาทางขัดขวาง ให้ร้ายป้ายสีให้คนที่กำลังทำความดีเหล่านั้นได้รับความเดือดร้อนและอยู่ไม่เป็นสุข และยิ่งถ้าคนที่กำลังทำความดีเหล่านั้น ตายตกนรกไปได้ยิ่งดี และก็จะสะใจพวกเขาเล่านั้น และพากันหลงผิดโดยเชื่อว่า ถ้าหากมีแต่พวกเขา(คนเขลา) อยู่บนโลกใบนี้ โดยปราศจากคนทำความดีและผู้รู้เหล่านั้น พวกเขาก็จะยังคงอยู่เสวยสุขต่อไปได้อย่างสบายๆดุจขึ้นสวรรค์....


ขอบคุณ : ครูชำนิ  จันทสุข ที่ช่วยอธิบายขยายความเพิ่มเติม

ดร.วัชรินทร์ สอนพูด ประธานสภาวัฒนธรรมอำเภอขุขันธ์
นายสุเพียร คำวงศ์ เลขานุการสภาวัฒนธรรมอำเภอขุขันธ์

สนับสนุนโดย