1. หลักทางนิรุกติศาสตร์
2. หลักทางโบราณคดี
3. หลักทางวัฒนธรรมประเพณี
4. หลักทางสังคมและมานุษยวิทยา
จากการสืบค้นแล้วพบหลักฐานทางโบราณคดีที่ยังมิได้ศึกษา ปรากฏว่า ห่างไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือหนองแตระ (ภูมิบ้านเจ็ก) ระยะทางประมาณ 1,500 เมตร ที่ริมฝั่งลำห้วยเหนือ ที่ GPSบนGoogle Map : 14.727566, 104.195525 หรือที่พิกัด14°43'39.2"N 104°11'43.9"E มีปราสาทซึ่งเป็นเทวสถานโบราณ รูปร่างสัณฐานประสาทโดยรวม เป็นลักษณะสี่เหลี่ยม ด้านในกว้าง 5 x 5 เมตร สร้างจากหินทรายและศิลาแลง ส่วนด้านนอกเป็นกำแพงศิลาแลง แต่ถูกทำลายลงเพราะถูกขุดหาวัตถุโบราณ ทำให้ปราสาทได้รับความเสียหายและศิลาแลงตกกระจัดกระจาย ซึ่งปัจจุบันก็ยังคงมีหินทรายและศิลาแลงปรากฏยังคงเหลืออยู่จำนวนหนึ่ง
พิกัดที่ตั้งของปราสาทสี่เหลียมโบราณ(ตวลตวาย หรือ กัลตวลตวาย หรือ โตลศวาย)ที่สร้างจากหินทรายและศิลาแลง อำเภอขุขันธ์ จังหวัดศรีสะเกษ GPSบนGoogle Map : 14.727566, 104.195525 หรือที่พิกัด 14°43'39.2"N 104°11'43.9"E
สภาพโดยทั่วไปของปราสาทสี่เหลียมโบราณ(ตวลตวาย หรือ กัลตวลตวาย หรือ โตลศวาย)ที่สร้างจากหินทรายและศิลาแลง
(ภาพนี้ถ่ายเมื่อ 18 มีนาคม พ.ศ. 2560 โดยนายสุเพียร คำวงศ์ )
|
ก้อนหินศิลาแลงที่ยังคงหลงเหลืออยู่ที่บริเวณปราสาทโบราณแห่งนี้ |
ก้อนหินทรายและศิลาแลงที่ยังคงหลงเหลืออยู่ที่บริเวณใจกลางปราสาท |
คันคูน้ำที่ยังคงปรากฏให้เห็นอยู่ด้านที่เหนือของตัวประสาท |
และที่ปราสาทแห่งนี้เอง ก็ยังพบฐานโยนีทำด้วยหินทราย(ฐานโยนี : คือฐานที่สร้างขึ้น หรือเป็นสัญลักษณ์ของอวัยวะเพศหญิง ซึ่งรองรับศิวลึงค์ เป็นสัญลักษณ์ที่ไม่มีรูปของพระอุมาพระผู้เป็นพลัง(ศักติ) และเป็นชายาของศิวะ(พระอิศวร)อยู่ในผังรูปทรงสี่เหลี่ยม สี่เหลี่ยม สันนิษฐานว่า ปราสาทโบราณแห่งนี้ น่าจะสร้างพร้อมปราสาทสระกำแพงน้อย ที่อำเภออุทุมพรพิสัย จังหวัดศรีสะเกษ เพราะเป็นศิลาแลงคล้ายคลึงกันมาก
ฐานโยนี ที่เคยตั้งอยู่ที่ปราสาทปราสาทสี่เหลียมโบราณ(ตวลตวาย หรือ กัลตวลตวาย หรือ โตลศวาย)ที่สร้างจากหินทรายและศิลาแลง ปัจจุบันถูกเก็บรักษาไว้ที่วัดเจ็กโพธิพฤกษ์อำเภอขุขันธ์ จังหวัดศรีสะเกษ |
ฐานโยนี สร้างขึ้นมาเพื่อบูชาเทพเจ้าตามลัทธิศาสนาพราห์ม(ฮินดู)ในอดีต รอบตัวปราสาท มีคันคูน้ำล้อมรอบขนาดใหญ่ลักษณะสี่เหลี่ยมผืนผ้าขวางตะวัน และพื้นที่ของหนองสะอางทั้งหมดเป็นบารายเก็บกักน้ำขนาดใหญ่ของชุมชนเมืองโบราญยุคนั้น ซึ่งเมื่อก่อนปี พ.ศ. 2500 ปราสาทโบราณแห่งนี้ ยังอยู่ในสภาพสมบูรณ์มาก สภาพป่าโดยรอบตัวปราสาทรกมาก ทำผู้คนไม่กล้าเข้าไปใกล้ เพราะมีความศักดิ์สิทธิ์มาก แต่ต่อมาประมาณปลายปี พ.ศ. 2500 เป็นต้นมา มีการลักขุดวัตถุโบราณเพื่อนำไปขายต่อให้ต่างชาติ ทำให้ปราสาทแห่งนี้ มีสภาพชำรุดทรุดโทรมลงมาก ประกอบกับชาวบ้านในพื้นที่ใกล้เคียงในยุคนั้นก็ต่างพากันไปขนเอาหินทรายมาทำหันลับมีดเพื่อใช้ในครัวเรือน และต่อมาเจ้าของที่นาใกล้ ๆ ก็บุกเข้าไปทำนา จนกลายสภาพโล่งเตียน แต่ก็ยังคงมีร่องรอยหลักฐานความเป็นปราสาทหินโบราณปรากฏอยู่ให้เห็นได้ถึงปัจจุบัน
สภาพที่นาบริวณใกล้ๆปราสาทสี่เหลียมโบราณ ถูกไถจนโล่งเตียนมากในปัจจุบัน (ภาพนี้ถ่ายเมื่อ 18 มีนาคม พ.ศ. 2560 โดยนายสุเพียร คำวงศ์ ) |
ข้อสันนิษฐานจากหลักฐานโบราณคดี
"ภูมิตวลตวาย"(ภาษาเขมร) หรือ "กัลตวลตะวาย"(ภาษากวย) หรือ ภูมิโตลศวาย(ตามจารึกบนแผ่นหินที่มีผู้เคยพบ)จึงน่าจะเป็น บ้านปราสาทสี่เหลี่ยมโคกลำดวน เป็นภูมิบ้านเก่าแก่ เคยพบอิฐและหินโบราณอยู่ลักษณะเป็นเนินสูงตั้งอยู่ริมร่องน้ำเล็กๆแขนงลำห้วยเหนือ มีพื้นที่ของหนองสะอางทั้งหมดเป็นบารายเก็บกักน้ำขนาดใหญ่ของชุมชนเมืองโบราญยุคนั้น และมีพื้นที่กว้างใหญ่สามารถตั้งเป็นหมู่บ้านขนาดใหญ่ได้ เดิมบริเวณเมืองขุขันธ์เต็มไปด้วยป่าลำดวน ชาวบ้านมักใช้ไม้ลำดวนมากรองทำเป็นหญ้าคา ใช้มุงหลังคาบ้านเรือน ตอนหลังลำดวนลดน้อยลงเกือบสูญพันธุ์ แต่ยังคงปรากฏมีอยู่ในป่าวัดบ้านสะอางบ้างเล็กน้อย ทุกวันนี้ ภูมิตวลตวาย กลายสภาพเป็นที่ทำนาและสวนของชาวบ้านเจ๊กอยู่หลายครอบครัว
เหตุผลสำคัญที่มีความขัดแย้งทางวิชาการ
1. เมืองขุขันธ์ดั้งเดิมประกอบด้วยชนชาติพันธ์เขมรเป็นหลัก รองลงมาเป็นชนชาติพันธุ์กวย ชาวบ้านในสมัยพระยาขุขันธ์ในยุคต้น ๆ ล้วนใช้ภาษาเขมรในการสื่อสาร และมีจารีตประเพณีละเอียดอ่อนแบบเขมรโบราณ และได้สืบทอดติดต่อกันมาถึงทุกวันนี้เป็นระยะเวลากว่า 250 ปี(นับจาก พ.ศ.2302) ภาษาเขมรยังคงไม่สูญหายไปจากเมืองขุขันธ์ แม้ทุกวันนี้จะมีภาษาที่สองเข้ามาเป็นจำนวนมากก็ตาม จึงเป็นเหตุผลที่ชัดเจนว่า เมืองขุขันธ์ หรือบ้านปราสาทสี่เหลี่ยมโคกลำดวนในอดีต น่าจะอยู่ในบริเวณ “ภูมิตวลตาวาย” มิได้ย้ายมาจาก “บ้านดวนใหญ่” ตามที่นักประวัติศาสตร์บางท่านสรุป เพราะบ้านดวนใหญ่มีแต่คนลาว ไม่มีคุ้มใดในละแวกใกล้เคียงใช้ภาษาเขมรอยู่เลย แม้โดยทั่วไปบ้านดวนใหญ่มีลักษณะคล้ายเป็นเมืองเก่าที่สมบูรณ์ ตั้งอยู่ริมห้วยคล้า(ไม่น่ากันดารน้ำ) สันนิษฐานได้ว่า “บ้านดวนใหญ่” น่าจะเป็นเมืองเก่าของชาวลาวที่อพยพเข้ามาจากจำปาศักดิ์ หรือเวียงจันทร์ในตอนปลายกรุงธนบุรีและตอนต้นกรุงรัตนโกสินทร์ และประการสำคัญคือ “บ้านดวนใหญ่” ไม่มีปราสาทเก่าแก่อยู่ในย่านนั้นเลย นอกจากสระน้ำที่ดูคล้ายว่าจะมีมาแต่โบราณ และมีลักษณะคล้ายคูเมืองสองชั้นแบบเมืองโบราณเท่านั้นเอง
2. เหตุผลด้านการครองเรือนของหลวงปราบ (พระยาขุขันธ์ภักดีศรีนครลำดวน ท่านที่ 2 หรือเชียงขันธ์) คือ ในปี 2319 หลวงปราบ ได้ร่วมทัพไปทำสงครามเวียงจันทน์ ได้รับชัยชนะ และเมื่อกลับมาได้หญิงหม้ายชาวลาวผู้สูงศักดิ์มาเป็นภรรยา ชื่อนางคำเวียง และมีลูกติดแม่ชื่อ “ท้าวบุญจันทร์” มาด้วย ครั้นมาถึงเมืองขุขันธ์ ก็ได้นำภรรยาชาวลาวไปไว้ที่บ้านบก (ปัจจุบันคือคุ้มในวัง บ้านบก มีต้นโพธิ์ใหญ่เป็นสัญลักษณ์ และมีวัดที่ตั้งขึ้นโดยคนลาวกลุ่มนี้ชือว่าวัดบกจันทนคร เป็นอนุสรณ์ของชาวเวียงจันทน์) และขณะนั้นยังไม่ได้ย้ายเมือง เพราะพระยาไกรภักดีศรีนครลำดวน(ตากะจะ) ท่านยังคงมีชีวิตอยู่ ดังนั้น ข้อสันนิษฐาน การที่หลวงปราบได้ภรรยาใหม่มา โดยธรรมชาติน่าจะซ่อนภรรยาไว้ไม่ห่างไกลจากบ้านนัก หากว่าตัวเองยังอยู่ที่บ้านดวนใหญ่ ให้ภรรยามาอยู่บ้านบกซึ่งมีระยะห่างกันประมาณ 30 กิโลเมตร ต้องเดินทางข้ามวันข้ามคืนจึงจะมาหาภรรยาได้ แต่ถ้ามีบ้านอยู่ที่ “ภูมิตวลตาวาย” ซึ่งอยู่ห่างจากบ้านบก โดยประมาณ 3 กิโลเมตรนั้น ก็จะสามารถมาหาภรรยาใหม่ได้ง่าย จึงเป็นเหตุผลที่มีน้ำหนักมากกว่า ซึ่งถ้ากล้าวกันตรงๆแล้ว "บ้านบก" ในอดีต กับ"บ้านดวนใหญ่" ไม่มีสายใยญาติผูกพันกันเลยจริงๆ
3. สภาพเมืองขุขันธ์ โดยทั่วไปมีคูเมืองและแหล่งน้ำล้อมรอบ ด้านตะวันตกจะเป็นลำห้วยเหนือซึ่งมีน้ำอุดมสมบูรณ์ ด้านตะวันออกจะเป็นหนองแตระและหนองสะอาง ซึ่งเป็นหนองขนาดใหญ่เหมาะแก่การตั้งเมือง
4. มีหลักฐานทางประวัติศาสตร์เก่าแก่ปรากฎมากมายในเมืองขุขันธ์ เช่น หลวงพ่อโต วัดเขียน ซึ่งเกิดก่อนตั้งเมืองขุขันธ์ วัดไทยเทพนิมิตร เคยเป็นที่พักกองทัพไทยคราวศึกสงคราม และปราสาทกุด วัดเจ๊ก หรือ ปราสาทสี่เหลี่ยมโคกลำดวนโบราณที่สร้างด้วยอิฐ ที่วัดเจ็ก
ปราสาทสี่เหลี่ยมโคกลำดวนโบราณที่สร้างด้วยอิฐ ตั้งอยู่ ณ วัดเจ็กโพธิพฤกษ์ อำเภอขุขันธ์ จังหวัดศรีสะเกษ |
5. มีหลักฐานและแหล่งเลี้ยงช้างของพระยาขุขันธ์หลายแห่ง เช่นที่บ้านจันลม บ้านพะเยียวตาสุ และป่าบ้านแทรง มีผู้เลี้ยงช้างของพระยาขุขันธ์ เคยได้อาศัยอยู่ที่นั่น เป็นต้น
เหตุผลการย้ายเมือง
ชัยภูมิที่ตั้งเมืองเดิมไม่เหมาะสม มีแหล่งน้ำขนาดเล็กตื้นเขิน เพราะเป็นเพียงร่องน้ำ(แขนงของห้วยเหนือ) และค่ายคูเมืองไม่เหมาะแก่การตั้งเมืองใหญ่ เลื่อนออกมาตั้งเมืองใหม่ที่บริเวณใกล้ๆปราสาทสี่เหลี่ยมโคกลำดวนโบราณที่สร้างด้วยอิฐ ของภูมิบ้านเจ็กในอดีต (ชื่อบ้านเจ๊กนี้เรียกขึ้นภายหลัง) ถึงบ้านภูมิ ซึ่งมีชัยภูมิเป็นเนินสูง ตั้งอยู่ริมหนองแตระซึ่งเป็นหนองขนาดใหญ่ อยู่ห่างจากที่ตั้งเดิมประมาณ 2,500 เมตร โดยเป็นการย้ายข้ามจากฝั่งทิศตะวันตกของลำห้วยเหนือมาอยู่ด้านฝั่งทิศตะวันออก และเหตุผลสำคัญประการหนึ่ง คือ เจ้าเมืองคนเดิมคือ พระยาไกรภักดีศรีนครลำดวน (ตากะจะ) ถึงแก่อนิจกรรมลง จึงเลื่อนที่ตั้งเมืองใหม่มาตั้งในที่เหมาะสมกว่า
สภาวัฒนธรรมเมืองขุขันธ์ ขอกราบขอบพระคุณผู้ให้ความร่วมมือด้านข้อมูลในการสืบค้น ดังนี้
1. นายเผด็จ เจริญศรีเมือง ข้าราชการบำนาญ อายุ 63 ปี
2. นายชุบ จันทรชิต ข้าราชการบำนาญ
ที่ปรึกษาเทศบาลตำบลห้วยเหนือ อายุ 70 ปี
3. นายนุช ไชยโพธิ์ อดีตผู้ใหญ่บ้านเจ็ก อายุ 80 ปี
4. นายขวัญชัย ไชยโพธิ์ อดีต ผอ.ร.ร.นิคม 4
ชาวบ้านเจ็ก อายุ 54 ปี
5. พระภิกษุตึ๋ง เจริญศรีเมือง วัดบ้านเจ็ก อายุ 60 ปี
6. พระแก้ว ศรีสุพรรณ พุทธสถานที่พักสงฆ์พิหารภูมิตราง
ตรวจ/ทาน : นายสุเพียร คำวงศ์ เลขานุการสภาวัฒนธรรมอำเภอขุขันธ์ ,26 มีนาคม 2560.
เหตุผลการย้ายเมือง
ชัยภูมิที่ตั้งเมืองเดิมไม่เหมาะสม มีแหล่งน้ำขนาดเล็กตื้นเขิน เพราะเป็นเพียงร่องน้ำ(แขนงของห้วยเหนือ) และค่ายคูเมืองไม่เหมาะแก่การตั้งเมืองใหญ่ เลื่อนออกมาตั้งเมืองใหม่ที่บริเวณใกล้ๆปราสาทสี่เหลี่ยมโคกลำดวนโบราณที่สร้างด้วยอิฐ ของภูมิบ้านเจ็กในอดีต (ชื่อบ้านเจ๊กนี้เรียกขึ้นภายหลัง) ถึงบ้านภูมิ ซึ่งมีชัยภูมิเป็นเนินสูง ตั้งอยู่ริมหนองแตระซึ่งเป็นหนองขนาดใหญ่ อยู่ห่างจากที่ตั้งเดิมประมาณ 2,500 เมตร โดยเป็นการย้ายข้ามจากฝั่งทิศตะวันตกของลำห้วยเหนือมาอยู่ด้านฝั่งทิศตะวันออก และเหตุผลสำคัญประการหนึ่ง คือ เจ้าเมืองคนเดิมคือ พระยาไกรภักดีศรีนครลำดวน (ตากะจะ) ถึงแก่อนิจกรรมลง จึงเลื่อนที่ตั้งเมืองใหม่มาตั้งในที่เหมาะสมกว่า
สภาวัฒนธรรมเมืองขุขันธ์ ขอกราบขอบพระคุณผู้ให้ความร่วมมือด้านข้อมูลในการสืบค้น ดังนี้
1. นายเผด็จ เจริญศรีเมือง ข้าราชการบำนาญ อายุ 63 ปี
2. นายชุบ จันทรชิต ข้าราชการบำนาญ
ที่ปรึกษาเทศบาลตำบลห้วยเหนือ อายุ 70 ปี
3. นายนุช ไชยโพธิ์ อดีตผู้ใหญ่บ้านเจ็ก อายุ 80 ปี
4. นายขวัญชัย ไชยโพธิ์ อดีต ผอ.ร.ร.นิคม 4
ชาวบ้านเจ็ก อายุ 54 ปี
5. พระภิกษุตึ๋ง เจริญศรีเมือง วัดบ้านเจ็ก อายุ 60 ปี
6. พระแก้ว ศรีสุพรรณ พุทธสถานที่พักสงฆ์พิหารภูมิตราง
ตรวจ/ทาน : นายสุเพียร คำวงศ์ เลขานุการสภาวัฒนธรรมอำเภอขุขันธ์ ,26 มีนาคม 2560.