คำว่า “ดาบประจำตำแหน่ง” ไม่ทราบว่าเรียกถูกหรือผิด แตผู้เขียนเองเข้าใจว่าคงเป็นเครื่องประดับอย่างหนึ่งของเจ้าเมืองสมัยก่อน ที่พระเจ้าแผ่นดินพระราชทานให้เป็นเครื่องประดับยศหรือ มีความดีความชอบอย่างใดอย่างหนึ่ง ผู้เขียนเคยเห็นดาบฝักเงินหนึ่งเล่ม และกระบี่หนึ่งเล่มที่บ้านนาย เสงี่ยม ศรีสุภาพ (ท่านมีศักดิ์เป็นลุงของผู้เขียน) ท่านบอกผู้เขียนว่าอีกหนึ่งเล่มคือ ฝักทอง ดาบฝักทองนั้นผู้เขียนไม่เห็นเนื่องจากอยู่ในครอบครองของ นายเมธี ศ. ศรีสุภาพ อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดนครนายก ดาบฝักเงินฝักทองชุดนี้ตกทอดมาทาง ขุนศรีสุภาพพงษ์ (บุญนาค ศรีสุภาพ) ซึ่งเป็นบุตรเขยพระยาขุขันธ์ภักดีศรีนครลำดวน (ท้าวปัญญา)
ดาบโบราณอีกหนึ่งชุดซึ่งปัจจุบันคงตกทอดอยู่กับทายาทของท่านกำนันพิมพ์สวรร์ค์ ขุขันธิน อดีตกำนันตำบลห้วยเหนือ ผู้เรืองวิชาไสยศาสตร์ สามารถเลี้ยงดูกุมารทองได้ ท่านกำนันพิมพ์สวรรค์ เป็นบุตรของ หลวงสุระรัตนมัย (บุญมี ขุขันธิน) อดีตนายอำเภอคนแรกของเมืองขุขันธ์
กล่าวกันว่า พระแสงดาบที่พระองค์ทรงใช้ฆ่าฟันข้าศึกศัตรูในยามมีศึกสงครามอย่างโชกโชนนั้น พระแสงดาบซึ่งเคยได้ดื่มเลือดข้าศึก บางครั้งจะร้อนจนไม่อาจจับต้องได้ เจ้าพนักงานต้องอันเชิญลงสรงในน้ำจึงจะคลายความร้อนลงได้ ต่อมาเมื่อเสร็จศึกสงครามแล้วพระองค์ได้ถวายพระแสงดาบเป็นราวเทียน เพื่อเป็นพุทธบูชาในพระพุทธศาสนา เนื่องจากผู้เขียนได้ค้นคว้าเรื่องของพระพิมพ์พระโคนสมอที่มีการพบเมื่อคราวซ่อมแซมบูรณะพระราชวังบวรสถานมงคล ในโอกาสครบรอบ 150 ปี ของกรุงรัตนโกสินทร์ และได้กล่าวถึงพระราชประวัติของพระองค์ไว้ด้วย
ปัจจุบันทางรัฐบาลได้หล่อรูปพระองค์ท่านในท่ายืนพนมมือ ถือดาบเป็นพุทธบูชา (พระราชวังบวรสถานมงคลก็ คือพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติในปัจจุบัน)
คุณยายบุษบา ศรีเมือง อาศัยอยู่บ้านเลขที่ 140 หมู่ 12 ตำบลห้วยเหนือ อำเภอขุขันธ์ เล่าให้ฟัง ว่า ดาบที่ท่านเก็บรักษาอยู่ มี 2 เล่ม คือ ดาบตัวผู้และดาบตัวเมีย ดาบตัวผู้ใช้ประหาร ส่วนดาบตัวเมียไม่ทราบ (ลักษณะตัวผู้ยาวกว่าดาบตัวเมีย) เป็นดาบประจำตำแหน่งเจ้าเมืองขุขันธ์ (ท่านที่ 9) มีหอก ด้ามยาว 1 เล่ม (ไว้ใช้รบบนหลังช้าง) และมีดาบสั้น 1 ตัว เป็นดาบประจำตัวท่าน คุณยายบอกว่า เดิมที ด้านทิศตะวันตกบ้านบกไปจดลำห้วยเหนือ เป็นวังของเจ้าเมืองขุขันธ์ แต่ปัจจุบันเป็นที่มีเจ้าของครอบครองหมดแล้ว ทิศใต้ติดถนนไปบ้านแดง มีต้นไทรที่ขึ้นจากยอดเสาโอบครอบเสาเอกของบ้านเจ้าเมืองปัจจุบันยังคงอยู่
ขอบพระคุณผู้เขียน : นายนพคุณ ภักดีทวนทองและนายเผด็จ ศรีเมือง,2547.