
/เปรียะฮฺ-ด็อม-เร็ย-กราบ/ เป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ตั้งแต่สมัยกรุงธนบุรี จวบจนถึงปัจจุบัน มีประวัติเล่ามาว่า
เมื่อปี พ.ศ. ๒๓๒๑ พระเจ้าตากสินมหาราช ทรงโปรดเกล้าฯให้พระยาจักรี(รัชกาลที่ ๑) ยกทัพไปปราบศึกกบฎที่เวียงจันทร์ โดยทรงมีบัญชาให้กองทัพจากเมืองขุขันธ์ร่วมทำศึกในครั้งนี้ด้วย ซึ่งนำทัพโดยพระยาไกรภักดีศรีนครลำดวน(ตากะจะ) และหลวงปราบ(เชียงขัน)
พระแก้วเนรมิตเลื่องลือในความศักดิ์สิทธิ์และแสดงอภินิหารมากมาย นอกจาก พระแก้วเนรมิตแล้วยังมีสิ่งศักดิสิทธิ์อยู่คู่องค์พระแก้วเนรมิต คือ องค์พญาครุฑ

นอกจากนี้ ที่บริเวณรอบวัดยังมีต้นมะขามตาไกรที่พระยาไกรภักดีศรีนครลำดวน(ตากะจะ) เจ้าเมืองขุขันธ์ท่านแรกในยุคกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย เป็นผู้ปลูก ที่ด้านข้างต้นมะขามตาไกร ยังมีศาลปู่ตาพระยาไกรที่ชาวบ้านปลูกสร้างเพื่อบูชาต่อดวงวิญญาณของท่านมาถึงทุกวันนี้ เชื่อว่าเป็นต้นมะขามศักดิ์สิทธิ์ที่ดลบันดาลผู้มากราบไหว้ขอพร ประสบแต่ความสุขความเจริญ ชาวบ้านเรียกว่า ដើមអម្ពឹលតាក្រៃ /เดิม*-อ็อม-ปึล-ตา-กรัย/ และที่ข้างพระอุโบสถวัดลำภู ยังมีเสาหลักเมืองเก่าของเมืองขุขันธ์ในอดีตตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาตอนต้น ทำมาจากไม้กันเกรา ถือเป็นไม้ที่มีความศักดิสิทธิ์ ในสมัยพระยาไกรภักดีศรีนครลำดวน เจ้าเมืองขุขันธ์ท่านแรก เมื่อปี พ.ศ. ๒๓๒๑ ได้นำมาใช้ร่วมในการประกอบพิธี ប្រក់ពល /ปร็อก-ป็วล*/ โดยเจ้าอาวาสรูปที่ ๔ ของวัดลำภู คือราชครูบัว เป็นพระอาจารย์ของเจ้าเมืองขุขันธ์ท่านแรกนั่นเอง ซึ่งพิธีปร็อกป็วล นี้ เป็นพิธีเสริมสร้างขวัญกำลังใจให้แก่ไพร่พลให้เกิดความฮึกเหิม พร้อมที่จะออกไปร่วมรบและไปอัญเชิญองค์พระแก้วมรกต และองค์พระแก้วเนรมิตมาจากเมืองลาว และนอกจากนี้ยังมีองค์พระธาตุเจดีย์เก่าแก่ จำนวน ๒ องค์ ที่เป็นร่องรอยความเจริญของเมืองขุขันธ์ในอดีตมาจนถึงปัจจุบัน เพื่อให้ทุกท่านที่สนใจได้แวะมาสักการะ และเยี่ยมชมอีกด้วย