ประวัติศาสตร์ความเป็นมาของหลักเมืองขุขันธ์
หลักเมืองขุขันธ์หลักแรก
หลักเมืองขุขันธ์หลักแรก อยู่บริเวณวัด รัมพนีวาส (วัดบ้านลำภู)
อำเภอขุขันธ์ จังหวัดศรีสะเกษ
ศาลหลักเมืองขุขันธ์ สร้างขึ้นครั้งแรกในสมัยเมืองขุขันธ์เป็นรัฐอิสระ
ระหว่างปี พ.ศ.2112 - 2127 หลักเมืองขุขันธ์หลักแรก ตั้งอยู่บริเวณวัดรัมพนีวาส
(วัดบ้านลำภู) อำเภอขุขันธ์ จังหวัดศรีสะเกษ
ระหว่างปี พ.ศ.2112 - 2127 หลักเมืองขุขันธ์หลักแรก ตั้งอยู่บริเวณวัดรัมพนีวาส
(วัดบ้านลำภู) อำเภอขุขันธ์ จังหวัดศรีสะเกษ
เมืองขุขันธ์ ชื่อเดิมคือ เมืองโคกขัณฑ์ เป็นเมืองอิสระ และมีเจ้าเมืองปกครองมาตั้งแต่ยุคขอมโบราณ เป็นเส้นทางผ่านของการสร้างปราสาท หรือที่เรียกว่า
ราชมรรคาของกษัตริย์ขอมสยามแห่งดินแดนที่ราบสูงผ่านไปยังเมืองพระนครหรือเมืองนครธมมาตั้งแต่โบราณกาล มีหลักฐานปรากฎข้อความในศิลาจารึกหลักที่ 1 ณ ปราสาทพระวิหาร เมื่อมหาศักราช 959 / พ.ศ. 1580 / ค.ศ. 1037 เจ้าเมืองขุขันธ์ในยุคสมัยนั้นคือ กมรแตงชคตศรีขัณฑเรศวร หรือ พระเจ้าชคตศรีขัณฑเรศวร
ครองเมืองสด๊กโคกขัณฑ์ หมู่บ้านรำดวลตระพังสวาย (ស្រុកស្តុកគោកខណ្ឌ
ភូមិរៜដួលត្រពាំងឝ្វា្យ) ตรงกับวันข้างขึ้น 3 ค่ำ เดือนมาฆมาส (เดือน 3) ซึ่งตรงกับ
วันจันทร์ที่ 14 เดือนมกราคม พุทธศักราช 1580
สำหรับฤกษ์วันข้างขึ้น 3 ค่ำ เดือน 3 นั้น เป็นฤกษ์ที่ชาวขอมโบราณใช้ในการประกอบพิธีสมโภชน์การก่อสร้างปราสาท และสิ่งก่อสร้างอื่นๆ ที่มีความสำคัญของบ้านเมืองในอดีต ซึ่งความเชื่อเกี่ยวกับฤกษ์อันเป็นมงคลนี้ได้สืบทอดมาถึงปัจจุบัน โดยเฉพาะชาวบ้านในอำเภอขุขันธ์ จังหวัดศรีสะเกษ รวมทั้งอำเภอใกล้เคียง และดินแดนแถบอีสานใต้นิยมใช้ฤกษ์อันดีงามนี้ ในพิธีเซ่นไหว้ศาลปู่ตาประจำหมู่บ้าน(សែនតាស្រុក)ทุกหมู่บ้าน บุญประเพณีทำบุญก่อเจดีย์ข้าวเปลือก และพิธีสู่ขวัญข้าว (បុណ្យប្រពៃណី់ពូនភ្នំស្រូវ
ឬហោវព្រលឹងស្រូវ) เพื่อถวายวัด หรือการหาบปุ๋ยคอกไปใส่ผืนนาเพื่อบำรุงดิน ตลอดจนการทำบุญบ้านเพื่อเป็นสิริมงคลสำหรับครอบครัวอีกด้วย
พ.ศ. 2028 - 2047 เมืองโคกขัณฑ์ อยู่ภายใต้การปกครองของ พระเจ้าธรรมราชา (ព្រះបាទ ធម្មរាជា) แต่ในฐานะประเทศราชของกรุงศรีอยุธยา (19 ปี)
พ.ศ. 2047 - 2055 เมืองโคกขัณฑ์ อยู่ใต้การปกครองของ ราชสำนักเขมร
กรุงตวลบาสาน (រាជធានី ទួលបាសាន) ซึ่งขณะนั้นเป็นเมืองประเทศราชของสยาม ตรงกับรัชสมัยพระศรีสุคนธบทแห่งกรุงตวลบาสาน (ព្រះស្រីសុគន្ធបទ គ.ស.១៥០៤) เป็นระยะเวลา 8 ปี
พ.ศ. 2099 กองทัพจากเมืองโคกขัณฑ์หรือ เมืองขุขันธ์ ในอดีต ได้ร่วมทัพกับ สมเด็จพระมหาจักรพรรดิ (ครองราชย์ พ.ศ. 1991 – 2031 ตรงกับ สมัยกรุงศรีอยุธยา ตอนกลาง) ทรงยกทัพไปตีเมืองละแวก
พ.ศ. 2106 - 2112 เมืองขุขันธ์ ถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มหัวเมืองปักษ์ใต้ ของกรุงศรีอยุธยาตอนต้นและตอนกลาง
พ.ศ. 2112 - 2127 สมัยสมเด็จพระมหินทราธิราช กรุงศรีอยุธยา เสียแก่ พระเจ้าบุเรงนอง ราชวงศ์ตองอู แห่งกรุงหงสาวดี เป็นเวลา 15 ปี ดังนั้น เมืองขุขันธ์ จึงมีสถานะเป็นรัฐอิสระ เป็นระยะเวลา 15 ปี
การก่อสร้างศาลหลักเมืองขุขันธ์หลักแรก จึงเกิดขึ้นในช่วงเมืองขุขันธ์ เป็นรัฐอิสระ โดยใช้แก่นไม้กันเกรา (ខ្លឹមដើ់មតាត្រាវ) ซึ่งถือเป็นไม้มงคลที่ใช้ในการประกอบพิธีวางศิลาฤกษ์ แก่นไม้กันเกรา มีคุณสมบัติที่โดดเด่น คือปลวก มอด และแมลง ไม่เจาะกิน แก่นไม้อยู่ได้ทนทาน นอกจากนี้ แก่นไม้ กันเกรา ยังใช้เป็นยาอายุวัฒนะได้อีกด้วย พบหลักเมืองขุขันธ์หลักแรก ที่สร้างด้วยแก่นไม้กันเกรา อยู่บริเวณวัดรัมพนีวาส (วัดบ้านลำภู) อำเภอขุขันธ์ จังหวัดศรีสะเกษ จึงได้จัดให้มีการบูรณะ เป็นศาลหลักเมือง ดังที่ปรากฏอยู่ ณ วัดรัมพนีวาส (วัดบ้านลำภู) ในปัจจุบันนี้
ศาลหลักเมืองขุขันธ์ หลักที่ 2
ศาลหลักเมืองขุขันธ์ หลักที่ 2 ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของวัดกลาง ขุขันธ์ ตำบลห้วยเหนือ อำเภอขุขันธ์ จังหวัดศรีสะเกษ ศาลหลักเมืองนิยมสร้างขึ้นพร้อมกับการสร้างเมือง โดยสร้างขึ้นตอนโปรดเกล้าฯ ให้ ตาสุ หรือ ตาไกร หรือ ตากะจะ เป็น หลวงแก้วสุวรรณ ยกพื้นที่หมู่บ้านปราสาทสี่เหลี่ยมโคกลำดวน ขึ้นเป็นเมือง
ชื่อว่า "เมืองขุขันธ์" เมื่อ ปี พ.ศ. 2306
ชื่อว่า "เมืองขุขันธ์" เมื่อ ปี พ.ศ. 2306
หลักเมืองขุขันธ์ ชาวเมืองขุขันธ์ เรียก "อารักข์กลางเมือง"
អារក្ខក្លាងមឿង หรือ "ตากลางเมือง" តាក្លាងមឿង ซึ่งหมายถึง เทพารักษ์กลางเมือง หรือ เทพารักษ์ผู้รักษาเมือง แต่เรียกโดยทั่วไปว่า "หลักเมือง"
ภายในศาลหลักเมือง มีเสาหลักเมือง ซึ่งโดยปกติเสาหลักเมือง ใช้แก่นไม้กันเกรา (ខ្លឹមដើ់មតាត្រាវ) ซึ่งถือเป็นไม้มงคลที่ใช้ในพิธีวางศิลาฤกษ์
แก่นของไม้กันเกรา ปลวก มอด และ แมลง ไม่เจาะกิน แก่นไม้อยู่ได้ทนนาน
นอกจากนี้ แก่นไม้กันเกรา ยังใช้เป็นยาอายุวัฒนะ ได้อีกด้วย แต่เดิมเป็น
ศาลไม้หลังเล็กๆ ภายในศาลหลักเมืองเดิม มีเสาหลักเมือง สูงจากพื้นถึงยอด 140 ซม. มีก้อนหินเก่าแก่ 2 ก้อนตั้งอยู่สองข้าง และต่อมาชาวขุขันธ์ ได้ร่วมกันสร้างอาคารคร่อมศาลขึ้นมาใหม่ ดังที่เห็นอยู่ในปัจจุบันนี้
นายอนุรัตน์ ลีธีระประเสริฐ นายอำเภอขุขันธ์ พร้อมด้วยประชาชนชาวอำเภอขุขันธ์ ร่วมกันประกอบพิธีเซ่นไหว้หลักเมืองเก่าของเมืองขุขันธ์ หลักที่ 2 ในงานบุญประเพณีแซนโฎนตาอำเภอขุขันธ์ ประจำปี พ.ศ. 2556 |
ศาลหลักเมืองขุขันธ์ หลักที่ 3
ชาวเมืองขุขันธ์ เห็นว่า หลักเมืองเก่า อยู่ในพื้นที่วัดกลาง อำเภอขุขันธ์ จังหวัดศรีสะเกษ ไม่เป็นเอกเทศและไม่สง่างามสมกับเมืองขุขันธ์ ซึ่งเป็นเมืองที่เคยมีเจ้าปกครองเมือง และยังคงอยู่เป็นระยะเวลายาวนาน ไม่เคยเป็นเมืองร้างอย่างที่เมืองอื่นเป็นอยู่ในปัจจุบันนี้ ดังนั้น
เมืองขุขันธ์ นามเดิม "เมืองโคกขัณฑ์" แล้วกร่อนมาเป็น "เมืองขุขันธ์" ในปัจจุบันนี้
เคยดำรงคงอยู่ตั้งแต่พันกว่าปีมาแล้ว
เพื่อให้ได้ศาลหลักเมืองใหม่ ที่สวยเด่นเป็นสง่าอยู่กลางเมือง สมกับเมืองขุขันธ์เป็นเมืองมาตั้งแต่โบราณกาลตลอดมาถึงวันนี้ จึงได้มีการวางศิลาฤกษ์เสาหลักเมืองใหม่ ในวันที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2554 และทำพิธียกเสาเอก ในวันที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2554
ชาวเมืองขุขันธ์ เห็นว่า หลักเมืองเก่า อยู่ในพื้นที่วัดกลาง อำเภอขุขันธ์ จังหวัดศรีสะเกษ ไม่เป็นเอกเทศและไม่สง่างามสมกับเมืองขุขันธ์ ซึ่งเป็นเมืองที่เคยมีเจ้าปกครองเมือง และยังคงอยู่เป็นระยะเวลายาวนาน ไม่เคยเป็นเมืองร้างอย่างที่เมืองอื่นเป็นอยู่ในปัจจุบันนี้ ดังนั้น
เมืองขุขันธ์ นามเดิม "เมืองโคกขัณฑ์" แล้วกร่อนมาเป็น "เมืองขุขันธ์" ในปัจจุบันนี้
เคยดำรงคงอยู่ตั้งแต่พันกว่าปีมาแล้ว
เพื่อให้ได้ศาลหลักเมืองใหม่ ที่สวยเด่นเป็นสง่าอยู่กลางเมือง สมกับเมืองขุขันธ์เป็นเมืองมาตั้งแต่โบราณกาลตลอดมาถึงวันนี้ จึงได้มีการวางศิลาฤกษ์เสาหลักเมืองใหม่ ในวันที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2554 และทำพิธียกเสาเอก ในวันที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2554
ต่อมาเมื่อวันที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2562 ชาวขุขันธ์ได้ทำพิธีอัญเชิญเสาหลักเมือง
ขึ้นประดิษฐานบนแท่นหลักเมือง และทำพิธีบวงสรวงศาลหลักเมืองหลังใหม่ที่สง่างาม
และโดดเด่น ตั้งอยู่กลางเมืองขุขันธ์มาจนกระทั่ง บัดนี้
ขึ้นประดิษฐานบนแท่นหลักเมือง และทำพิธีบวงสรวงศาลหลักเมืองหลังใหม่ที่สง่างาม
และโดดเด่น ตั้งอยู่กลางเมืองขุขันธ์มาจนกระทั่ง บัดนี้
เรียบเรียง : คณะกรรมการฝ่ายประวัติศาสตร์เมืองขุขันธ์
ลำดับเนื้อหา : ดร.วัชรินทร์ สอนพูด ประธานสภาวัฒนธรรมอำเภอขุขันธ์
นายเทอดศักดิ์ เสริมศรี ประธานคณะกรรมการวัดบ้านลำภู / ผู้ทรงคุณวุฒิ
นายนิติภูมิ ขุขันธิน กรรมการ /ฝ่ายประวัติศาสตร์ สภาวัฒนธรรมอำเภอขุขันธ์
นายเทอดศักดิ์ เสริมศรี ประธานคณะกรรมการวัดบ้านลำภู / ผู้ทรงคุณวุฒิ
นายนิติภูมิ ขุขันธิน กรรมการ /ฝ่ายประวัติศาสตร์ สภาวัฒนธรรมอำเภอขุขันธ์
คำแปลภาษาอังกฤษ : ผศ.ดร.ปริง เพชรล้วน
กรรมการ /ฝ่ายประวัติศาสตร์ สภาวัฒนธรรมอำเภอขุขันธ์
กรรมการ /ฝ่ายประวัติศาสตร์ สภาวัฒนธรรมอำเภอขุขันธ์
อักษรภาษาขอมโบราณเมืองขุขันธ์ : นายสุเพียร คำวงศ์ เลขานุการสภาวัฒนธรรมอำเภอขุขันธ์
ขอบคุณ : ภาพภาพวาดจิตรกรรมฝาผนัง ณ ภายในอุโบสถพระแก้วเนรมิต
วัดบ้านลำภู ตำบลใจดี อำเภอขุขันธ์ จังหวัดศรีสะเกษ
ขอบคุณ : ภาพภาพวาดจิตรกรรมฝาผนัง ณ ภายในอุโบสถพระแก้วเนรมิต
วัดบ้านลำภู ตำบลใจดี อำเภอขุขันธ์ จังหวัดศรีสะเกษ