-->
ขุขันธ์ เมืองเก่า ชนทุกเผ่าสามัคคี บารมีพระแก้วเนรมิตวัดลำภูคู่หลวงพ่อโตวัดเขียน กระอูบ เกวียน ครุน้อย เครื่องจักสาน ปราสาทโบราณเป็นศรี ประเพณีแซนโฎนตา...ต้นไม้จะอยู่ได้ก็เพราะราก ชาติจะอยู่ได้ก็เพราะวัฒนธรรม การทำลายต้นไม้ ง่ายที่สุด คือทำลายที่ราก การทำลายชาติไม่ยาก ถ้าทำลายวัฒนธรรม...ไร้รากเหง้า วัฒนธรรม วิถีชีวิต และจิตวิญญาณ ไร้เรา...

วันพฤหัสบดีที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2561

ศาลจังหวัดขุขันธ์ เคยมีขึ้นครั้งแรก เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 2458 ในรัชสมัย ร.6 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์

ขอบคุณภาพถ่ายจากหน้าเวปฯศาลจังหวัดศรีสะเกษ
http://www.sskc.coj.go.th/
        ศาลจังหวัดขุขันธ์ เคยถูกตั้งขึ้นครั้งแรก และเริ่มรับฟ้องบังคับอรรถคดีตั้งแต่วันที่ 23 กรกฎาคม 2458 ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จปรเมนทรมหาวชิราวุธ พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 มีอำนาจรับฟ้องพิพากษาคดีแพ่งและดีอาญาได้ตลอดอาณาเขตในท้องที่ได้ ตามพระธรรมนูญศาลหัวเมือง รัตนโกสินทรศก 127 โดยมีนายกิม เสง เนติบัณฑิตเป็นผู้พิพากษา และนายช่วง เป็นผู้พิพากษารอง (1) 
จวนผู้ว่าราชการจังหวัดขุขันธ์ เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๔๐ - ๒๔๕๐ 
        แต่ต่อมาเมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 2481 ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล รัชกาลที่ 8 มีการเปลี่ยนนาม โดยให้เปลี่ยนนามจังหวัดขุขันธ์ เป็นจังหวัด ศีร์ษะเกษ ตามพระราชกฤษฎีกาเปลี่ยนนามจังหวัด และอำเภอบางแห่ง พุทธศักราช 2481 ซึ่งเน้นเปลี่ยนแต่นามจังหวัดขุขันธ์ เพียงจังหวัดเดียวเท่านั้น จังหวัดอื่นๆนอกนั้นเปลี่ยนแต่นามอำเภอบางแห่ง(2) 

       และเมื่อได้มีการเปลี่ยนนามจังหวัดขุขันธ์ไปโดยสิ้นเชิงแล้ว ต่อมาเมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน 2481 จึงได้มีประกาศกระทรวงยุตติธรรม เรื่องเปลี่ยนนามศาลจังหวัดขุขันธ์ เป็นศาลจังหวัดศีร์ษะเกษ ในที่สุด(3) ดังนั้น จึงอาจกล่าวได้ว่า ศาลจังหวัดศรีสะเกษในปัจจุบัน ก็คือ ศาลจังหวัดขุขันธ์ในอดีต นั่นเอง
บริเวณด้านหน้าที่ว่าการอำเภอขุขันธ์เมื่อปี พ.ศ. 2483
ขณะกำลังมีการจัดงานประเพณีสำคัญของอำเภอขุขันธ์

เอกสารอ้างอิง
(1) ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 32 หน้า 148 วันที่ 8 สิงหาคม 2458 ประกาศตั้งศาลจังหวัดขุขันธ์ http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2458/A/148.PDF
(2) พระราชกฤษฎีกาเปลี่ยนนามจังหวัด และอำเภอบางแห่ง พุทธศักราช 2481 http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2481/A/658.PDF
(3) ประกาศกระทรวงยุตติธรรม เรื่องเปลี่ยนนามศาลจังหวัดขุขันธ์ เป็นศาลจังหวัดศีร์ษะเกษ http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2481/D/2831.PDF

หมายเหตุ
- ปีพุทธศักราช ๒๔๔๐ โปรดเกล้าฯ เปลี่ยนตำแหน่ง เจ้าเมืองขุขันธ์ เป็นตำแหน่ง ผู้ว่าราชการเมืองขุขันธ์
- ปีพุทธศักราช ๒๔๔๙ ย้ายเฉพาะศาลากลางเมืองขุขันธ์ จากที่ตั้งเดิม(อำเภอเมืองขุขันธ์) ไปตั้งบริเวณศาลากลางเมืองศีร์ษะเกษ แต่ยังคงใช้ชื่อ ศาลากลางเมืองขุขันธ์  ส่วนพื้นที่อำเภอเมืองขุขันธ์ยังอยู่ที่ตั้งเดิม
- ปีพุทธศักราช ๒๔๕๐ ยุบเมืองศรีสะเกษและเมืองเดชอุดม โดยให้อำเภอที่ขึ้นกับเมืองทั้งสองไปขึ้นกับเมืองขุขันธ์

- ปีพุทธศักราช ๒๔๕๘ ประกาศตั้งศาลจังหวัดขุขันธ์ ในเมืองขุขันธ์ ก่อนเปลี่ยนชื่อเมืองขุขันธ์ เป็น จังหวัดขุขันธ์

- ปี พุทธศักราช ๒๔๕๙ โปรดเกล้าฯ เปลี่ยนชื่อเมืองขุขันธ์ เป็นชื่อจังหวัดขุขันธ์

- ปี พุทธศักราช ๒๔๖๐ เปลี่ยนชื่ออำเภอเมืองขุขันธ์ เป็น อำเภอห้วยเหนือ คลิก
- ปีพุทธศักราช ๒๔๘๑ เปลี่ยนชื่อจังหวัดขุขันธ์ เป็นชื่อจังหวัดศีร์ษะเกษ เปลี่ยนชื่อ อำเภอห้วยเหนือ เป็นชื่อ อำเภอขุขันธ์ ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา
- ปีพุทธศักราช ๒๔๘๒ ประเทศของเราเดิมชื่อ ประเทศสยาม เปลี่ยนชื่อมาเป็น ประเทศไทย ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา เช่นกัน โดยเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2482/ค.ศ.1939 (หรือ 78 ปีมาแล้ว นับถึงปี พ.ศ. 2560) รัฐบาลของนายพลตรีหลวงพิบูลสงคราม (ต่อมาสถาปนาเป็นจอมพล ป. ซึ่งเป็นปีกขวาของ “คณะราษฎร” และเป็นผู้พัฒนาให้เกิด “ระบอบอํามาตยาธิปไตย/อํานาจนิยมอันมีบรรดาจอมพล และพลเอกเป็นผู้นํา”) ได้ประกาศ “รัฐนิยม” ให้เปลี่ยนนามประเทศจาก “สยาม” เป็น “ประเทศไทย และ Siam เป็น Thailand” โดยให้เหตุผลด้วยหลักการของ “ลัทธิเชื้อ-ชาตินิยม” ว่า “รัฐบาลเห็นสมควรถือเป็นรัฐนิยมให้ใช้ชื่อประเทศให้ต้องตามชื่อเชื้อชาติและความนิยมของประชาชน” ...


ดร.วัชรินทร์ สอนพูด ประธานสภาวัฒนธรรมอำเภอขุขันธ์
นายสุเพียร คำวงศ์ เลขานุการสภาวัฒนธรรมอำเภอขุขันธ์

สนับสนุนโดย