ขุขันธ์ เมืองเก่า ชนทุกเผ่าสามัคคี บารมีพระแก้วเนรมิตวัดลำภูคู่หลวงพ่อโตวัดเขียน กระอูบ เกวียน ครุน้อย เครื่องจักสาน ปราสาทโบราณเป็นศรี ประเพณีแซนโฎนตา...ต้นไม้จะอยู่ได้ก็เพราะราก ชาติจะอยู่ได้ก็เพราะวัฒนธรรม การทำลายต้นไม้ ง่ายที่สุด คือทำลายที่ราก การทำลายชาติไม่ยาก ถ้าทำลายวัฒนธรรม...ไร้รากเหง้า วัฒนธรรม วิถีชีวิต และจิตวิญญาณ ไร้เรา...

คำว่า "เขมรป่าดง" เมื่อ พ.ศ. ๒๔๔๙

        สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ (๒๑ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๐๕ - ๑  ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๘๖ รวมพระชันษาได้ ๘๑ ปี) เป็นพระราชโอรสพระองค์ที่ ๕๗ ในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ประสูติแต่เจ้าจอมมารดาชุ่ม และพระองค์ยังทรงเป็นต้นราชสกุล "ดิศกุล"  พระองค์ท่านเล่าถึงเรื่องต่างๆที่พระองค์ท่านได้รู้ได้เห็นเมื่อครั้งไปตรวจราชการมณฑลอุดรและอีสาน ใน พ.ศ. ๒๔๔๙ ในนิทานเรืองแม่น้ำโขง ตอน คนต่างจำพวก  ความตอนหนึ่งว่า

...เมื่อฉันขึ้นไปมณฑลอีสานครั้งหลัง ไปพบ "เขมรป่าดง" จำพวกหนึ่ง  สอบสวนได้ความว่า  เมืองสุรินทร์  เมืองสังคะ เมืองขุขันธ์   เมืองศีร์ษะเกษ และอำเภอประโคนชัย(เดิมชื่อว่า "เมืองตลุง")  บรรดาอยู่ฝั่งใต้ต่อแดนกัมพูชา   ชาวเมืองเป็น "เขมรป่าดง" ทั้งนั้น  พูดภาษาเขมรและมีการเล่นอย่างโบราณหลายอย่าง เช่น แค่เอาใบไม้มาเป่าเป็นเพลงเข้ากับขับร้องที่เรียกกันว่า "เขมรเป่าใบไม้" เป็นต้น ฉันเคยได้ยินแต่เรียกชื่อมาแต่ก่อน  เพิ่งไปเห็นเล่นกันจริงๆครั้งนั้น....

ที่มา: นิทานโบราณคดีบางเรื่อง ของสมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ ทรงนิพนธ์ขึ้นเมื่อ พ.ศ. ๒๔๘๓ ก่อนที่พระองค์ท่านจะสิ้นพระชนม์

ดร.วัชรินทร์ สอนพูด ประธานสภาวัฒนธรรมอำเภอขุขันธ์
โทร. 086-1308496
นายสุเพียร คำวงศ์ เลขานุการสภาวัฒนธรรมอำเภอขุขันธ์
โทร. 098-5869569

สนับสนุนโดย