ปราสาทตาเล็ง ប្រាសាទតាលេង (Prasat Taleng) หรือปราสาทบ้านลุมพุก(Prasat Banlumpuk) ช่วงก่อนที่บ้านปราสาท หมู่ที่ 1 ตำบลปราสาท อำเภอขุขันธ์ จังหวัดศรีสะเกษ ในปัจจุบันจะได้รับการพัฒนาและยกระดับเป็นหมู่บ้านอาสาพัฒนาป้องกันตนเอง(อพป.) ปราสาทตาเล็ง เป็นที่รู้จักในนาม "ปราสาทบ้านลุมพุก" สาเหตุที่เรียกกันเช่นนั้นเพราะ คนสมัยก่อน เมื่อได้มีการสัญจรไปมาหาสู่กัน หรือพบปะกันต่างหมู่บ้านก็มักจะทักทายและถามไถ่กันว่า ท่าน...มาจากไหน ? คนบ้านปราสาทก็จะตอบว่าอยู่บ้านปราสาท ถ้ามีผู้ไม่เข้าใจว่าอยู่บริเวณไหน เพราะสมัยนั้นคำว่า "บ้านปราสาท" มีหลายหมู่บ้าน ก็มักจะถามต่อไปว่า ปราสาทไหน ? ผู้ตอบก็จะเอาชื่อตำบล หรือชื่อหมู่บ้านใกล้เคียงซึ่งเป็นที่รู้จักของคนทั่วไปเป็นสร้อยต่อท้ายชื่อหมู่บ้าน เช่น ปราสาทบ้านลุ่มพุก เป็นต้น ซึ่งบ้านลุมพุก นั้นเป็นบ้านเก่าแก่ที่มีพื้นที่ใกล้เคียงปราสาทหลังนี้และเป็นศูนย์กลางของตำบลกันทรารมย์ อำเภอขุขันธ์ จังหวัดศรีสะเกษ
ต่อมา เมื่อปี 2532 พื้นที่ด้านทิศตะวันตกของตำบลกันทรารมย์ ได้ถูกแยกออกและตั้งเป็นตำบลใหม่ โดยนำชื่อบ้านปราสาท(เดิมบริเวณบ้านปราสาท เป็นหมู่ที่ 6 ตำบลกันทรารมย์ อำเภอขุขันธ์ จังหวัศรีสะเกษ) มาตั้งเป็นชื่อตำบลด้วย เรียกว่า "ตำบลปราสาท" และบ้านปราสาท หมู่ที่ 1 ขณะนั้นได้ได้รับการพัฒนาและยกระดับเป็นหมู่บ้านอาสาพัฒนาป้องกันตนเอง(อพป.) และมีการพัฒนาเป็นอย่างมาก คณะกรรมการหมู่บ้านได้มีการรื้อฟื้นประวัติของหมู่บ้านและเริ่มจดบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษรจึงได้ทราบว่า ผู้ที่มาก่อตั้งหมู่บ้านปราสาทคนแรก ชื่อว่า ตาเล็ง ดังนั้น เพื่อเป็นการยกย่องและให้เกียรติแก่ผู้ก่อตั้งหมู่บ้านท่านแรก จึงได้เปลี่ยนชื่อเรียกของปราสาทบ้านปราสาท หรือ ปราสาทบ้านลุมพุก เป็นชื่อเรียกใหม่ว่า "ปราสาทตาเล็ง" ตั้งแต่นั้นมา
ที่ตั้ง
บ้านปราสาท หมู่ที่ 1 ตำบลปราสาท อำเภอขุขันธ์ จังหวัดศรีสะเกษ บริเวณรุ้ง(Longtitude)ที่ 14 องศา 43 ลิปดา 40 ฟิลิปดา เหนือ แวง(Latitude)ที่ 104 องศา 01 ลิปดา 20 ฟิลิปดาตะวันออก พิกัด 48 PUB 951283 แผนที่ทหาร มาตรส่วน 1 : 50,000 พิมพ์ครั้งที่ 2- RTSD ลำดับชุด L 7071 ระวาง 5838 III
พิกัดGPS ของปราสาทตาเล็ง บน Google Map
คือ 14°43'45.7"N 104°01'18.2"E หรือ 14.729363, 104.021714
ปรางค์เป็นปรางค์รูปเดี่ยวรูปสี่เหลี่ยมย่อมุม ก่อด้วยศิลาทรายเสริมด้วยอิฐ ตั้งอยู่บนศิลาแลง มีประตูทางเข้าด้านทิศตะวันออก กรอบประตูหินทรายทั้งสองข้างสลักเป็นตัวหงส์กำลังร่อนอยู่ในลายพันธุ์พฤกษา เหนือบัวหัวเสาสลักเป็นมกรคายนาคห้าเศียร ส่วนยอดของปรางค์พังทลาย เรือนผนังปราสาทเหลือเพียงบางส่วน พบชิ้นส่วนฐานปฏิมากรรม หน้าบัน และทับหลัง ตกร่วมอยู่ 4 ชิ้น ทับหลังที่ประตูด้านทิศตะวันออก สลักเป็นเกียรติมุขหรือหน้ากาลคายท่อนพวงมาลัยออกมาทั้งสองข้าง มีพวงอุบะและลายใบไม้ม้วนอยู่เหนือเกียรติมุขสลักเป็นรูปพระอินทร์ทรงช้างเอราวัณ ทับหลังด้านทิศใต้ สลักเป็นรูปพระยมทรงมหิงสา อยู่เหนือเกียรติมุข ทับหลังด้านทิศตะวันตกสลักเป็นรูปพระพิรุณทรงหงส์อยู่เกียรติมุข ทับหลังด้านทิศเหนือ สลักเป็นรูปพระอีสานทรงโค ? แนวศิลาแลงปรากฏอยู่ทางทิศตะวันตก สันนิษฐานว่าเป็นขอบโคปุระ ส่วนคูน้ำสภาพตื้นเขินล้อม 3 ด้าน เว้นทางเดินทางตะวันออก และจากโคปุระ จากทางด้านตะวันออก มีแนวคันดินลักษณะคล้ายถนนตัดตรงสู่บาราย(สระน้ำ)ขนาดใหญ่ ซึ่งชาวบ้านเรียกเป็นภาษาเขมรว่า หนองละเบิก (คำว่า ละเบิก หรือรากศัพท์ภาษาเขมรใบลานเมืองขุขันธ์เขียนได้ว่า ល្បើក แปลว่า ระยะทางไม่ไกลเท่าไรนัก เดินด้วยเท้าไปพอได้ออกกำลังและได้เหงือเล็กน้อย ราวๆ 100 - 200 เมตรก็ถึงหนองน้ำนั้น)
ประตูทางเข้าด้านทิศตะวันออก กรอบประตูหินทรายทั้งสองข้างสลักเป็นตัวหงส์ กำลังร่อนอยู่ในลายพันธุ์พฤกษา |
เหนือบัวหัวเสาสลักเป็นมกรคายนาคห้าเศียร |
ส่วนยอดของปรางค์พังทลาย เรือนผนังปราสาทเหลือเพียงบางส่วน พบชิ้นส่วนฐานปฏิมากรรม หน้าบัน และทับหลัง ตกร่วมอยู่ 4 ชิ้น |
ทับหลังที่ประตูด้านทิศตะวันออก สลักเป็นเกียรติมุข หรือหน้ากาลคายท่อนพวงมาลัยออกมาทั้งสองข้าง มีพวงอุบะ และลายใบไม้ม้วน อยู่เหนือเกียรติมุขสลักเป็นรูปพระอินทร์ทรงช้างเอราวัณ |
ทับหลังด้านทิศใต้ สลักเป็นรูปพระยมทรงมหิงสา อยู่เหนือเกียรติมุข |
ทับหลังด้านทิศตะวันตก สลักเ อยู่เ |
ทับหลังด้านทิศเหนือ สลักเป็นรูปพระอีสานทรงโค |
ฐานปฏิมากรรม |
ส่วนคูน้ำสภาพตื้นเขินล้อม 3 ด้าน
เว้นทางเดินทางตะวันออก
|
แนวศิลาแลงปรากฏอยู่ทางทิศตะวันตก สันนิษฐานว่าเป็นขอบโคปุระ |
จากโคปุระ จากทางด้านตะวันออก มีแนวคันดินลักษณะคล้ายถนน ตัดตรงสู่สระน้ำขนาดใหญ่ |
บาราย(สระน้ำ)โบราณขนาดใหญ่ ชาวบ้านเรียก หนองละเบิก(ត្រពាំងល្បើក อ่านเป็นภาษาเขมรถิ่นเมืองขุขันธ์ได้ว่า /ตรอเปี็ยง-ลเบิก trɑː:-pĕəŋ-ləbaək / |
อายุสมัย
ราวพุทธศตวรรษที่ 16 – 17 (ราวพ.ศ.1560 -1630)
การประกาศขึ้นทะเบียนโบราณสถาน
ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่ม 99 ตอนที่ 172 ง วันที่ 8 พฤศจิกายน 2525
การประกาศกำหนดขอบเขตโบราณสถาน
ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่ม 99 ตอนที่ 172 ง วันที่ 8 พฤศจิกายน 2525 เนื้อที่ 3 ไร่ 2 งาน 53 ตารางวา
จากลักษณะทางศิลปกรรมที่ปรากฏ กล่าวได้ว่า ปราสาทตาเล็ง สร้างขึ้นโดยมีรูปแบบศิลปะเขมรแบบบาปวน มีอายุอยู่ในราวพุทธศตวรรษที่ ๑๖ - ๑๗ โบราณสถาน แห่งนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานของชาติ และกำหนดขอบเขตโบราณสถาน ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่ม 99 ตอนที่ 172 วันที่ 18 พฤศจิกายน 2525 เนื้อที่ประมาณ 3 ไร่ 2 งาน 53 ตารางวา
เมื่อวันจันทร์ที่ 1 ธันวาคม 2557 ที่ห้องประชุม อบต.ปราสาท อำเภอขุขันธ์ จังหวัดศรีสะเกษ ได้มีการประชุมแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่อง การขุดศึกษาทางโบราณคดีปราสาทตาเล็ง โดยสำนักศิลปากรที่ 11 อุบลราชธานี ร่วมกับ อบต.ปราสาท ซึ่งอธิบดีกรมศิลปากรได้อนุมัติแล้ว และได้มอบหมายให้ นางสุกัญญา เบานิด ตำแหน่งนักโบราณคดีชำนาญการ และนายวสันต์ เทพสุริยานนท์ ตำแหน่งนักโบราณคดีชำนาญการ เป็นผู้ดำเนินงานขุดศึกษาทางโบราณคดีที่ปราสาทตาเล็งร่วมกับ อบต.ปราสาท และทีมงานชาวบ้านจิตอาสาจากทุกหมู่บ้านในสังกัดตำบลปราสาท เพื่อการออกแบบอนุรักษ์ โบราณสถานปราสาทตาเล็ง โดยลงมือดำเนินงานภาคนามในระหว่างเดือนธันวาคม 2557 ถึงเดือนกุมภาพันธ์ 2558 ด้วยงบประมาณสนับสนุนจาก อบต.ปราสาท จำนวน 100,000บาท
สำหรับในปัจจุบัน ปราสาทตาเล็ง อยู่ภายใต้การดูแลของสำนักงานศิลปากรที่ 10 นครราชสีมา โดยสำนักโบราณคดี กรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม จะได้มีโครงการอนุรักษ์และพัฒนาส่งเสริม เผยแพร่ศิลปกรรม สถาปัตยกรรมของศาสนสถานแห่งนี้ให้เกิดประโยชน์ทางเศรษฐกิจ สังคม ศิลปวัฒนธรรมและพัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวตามนโยบายของรัฐบาลต่อไป
เอกสารอ้างอิง :
ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 99 ตอนที่ 172 ง วันที่ 8 พฤศจิกายน 2525
ประเสริฐ ศรีสุวรรณ์.ปราสาทตาเล็ง.ศรีสะเกษ.โรงเรียนบ้านคลองเพชรสวาย,19 กรกฎาคม 2556.
สนั่น โสริยาตร.ด้วยสำนึกรักบ้านเกิด.ศรีสะเกษ.โรงเรียนบ้านสกุล,14 เมษายน 2557.
สำลี ศรปัญญา.รวมศาสนสถานโบราณในจังหวัดศรีสะเกษ.ศรีสะเกษ : วิทยาการพิมพ์-ออฟเซท,2544.
วีดิทัศน์ประมวลภาพกิจกรรมโครงการสืบสานวัฒนธรรม
น้อมนำกตัญญผู้สูงอายุตำบลปราสาท ปี 2557
(14 เม.ย. 2557)