วันอังคารที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

วัดบกจันทร์นคร

          วัดบกจันทร์นคร    ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของเมืองขุขันธ์  (บริเวณบ้านบก  ตำบลห้วยเหนือ  อำเภอขุขันธ์  จังหวัดศรีสะเกษ ในปัจจุบัน)  สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ.๒๓๒๕  ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช  รัชกาลที่ ๑  โดยพระยาไกรภักดีศรีนครลำดวน (บุญจันทร์)  เจ้าเมืองขุขันธ์คนที่ ๓  ได้ย้ายที่ทำการเมืองไปตั้งบริเวณดังกล่าว  เพราะบ้านบก ในสมัยนั้นเป็นบ้านที่ชาวเวียงจันทน์อพยพมาอาศัยอยู่ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๓๒๒ ได้ร่วมกันสร้างวัดขึ้นตั้งชื่อว่า "วัดบกจันทรนคร" เพื่อเป็นอนุสรณ์ของชาวเวียงจันทน์ และกำหนดให้เป็นวัดประจำเมือง เป็นที่ประกอบพิธีถือน้ำพิพัฒน์สัตยาและประกอบศาสนพิธีอื่น ๆในช่วงสมัยนั้น





           วัดบกจันทร์นคร  เดิมมีเนื้อที่ ๙ ไร่เศษ  ต่อมาขุนศรีสุภาพพงษ์  (บุญนาค  ศรีสุภาพ)  บุตรเขยของพระยาขุขันธ์ท่านที่ ๙  (ท้าวปัญญา  ขุขันธิน พ.ศ. ๒๔๒๖ - ๒๔๕๐)  ได้ถวายที่ดินทางทิศตะวันออกให้วัดจำนวนประมาณ ๕ ไร่


            สมัยก่อนอุโบสถวัดบ้านบกหลังคามุงด้วยกระเบื้องไม้ไม่มีผนังทั้งสี่ด้านภายในอุโบสถ  มีพระพุทธรูปโบราณสององค์และพระไม้หนึ่งองค์เป็นพระประธาน ลักษณะศิลปะลาวล้านช้าง  (หรือลาวช้าง)  พระพุทธรูปสององค์นี้  คงจะนำมาจากประเทศลาว  เมื่อครั้งหลวงปราบ(เชียงขันธ์)ร่วมทัพไปตีกรุงศรีสัตนคนหุต (เวียงจันทน์)  พ.ศ. ๒๓๒๑  โดยสมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกพระยศในขณะนั้น  ทรงเป็นแม่ทัพ  และโบราณวัตถุอีกหลายชิ้นล้วนฝีมือลาวล้านช้างทั้งสิ้น  ต่อมาภายหลังสิ่งของโบราณเหล่านี้ได้สูญหายไปเกือบทั้งหมดสิ้น หน้าอุโบสถมีเจดีย์เก่าแก่หนึ่งองค์มีมาแต่โบราณ เรียกว่า  "เจดีย์สิม" เป็นเจดีย์เก่าแก่คู่มากับวัด  และชาวบ้านเล่าลือกันว่ามีความศักดิ์สิทธิ์มาก
   
           ในช่วงกลางปี  พ.ศ. ๒๕๑๔  วัดบ้านบกไม่มีเจ้าอาวาสปกครอง  คณะกรรมการวัดจึงแต่งตั้งให้พระวิฑูรย์ศิษย์ท่านพระครูประกาศธรรมวัตรหลวงพ่อสาย  วัดตะเคียนราม  อ.ภูสิงห์  รักษาการอาวาส   ภายหลังอุโบสถ ซึ่งได้บูรณะใหม่เรียบร้อยแล้ว  ได้สร้างพระพุทธรูป  ขนาดใหญ่เป็นโลหะสัมฤทธิ์หน้าตักกว้างขนาดหนึ่งเมตรครอบพระพุทธรูปองค์เดิม (พระไม้)เป็นพระประธานในอุโบสถ ต่อมานายบุญถึง ขุขันธินและนายสวาท ไชยโพธิ์  และชาวบ้านบก   ได้ร่วมกันสร้างพระพุทธรูป  พระประธานองค์ใหม่ในอุโบสถขนาดใหญ่  ดังที่ท่านได้เห็นอยู่ในปัจจุบันนี้  ประชาชนชาวอำเภอขุขันธ์ ได้ร่วมบริจาคทรัพย์ในการครั้งนี้ด้วย  พระประธานองค์ใหม่นี้เมื่อสร้างเสร็จได้ให้ประชาชนนำของมีค่าหรือวัตถุมงคล  ไปบรรจุในช่องอก (พระอุระ)  เมื่อพิธีบรรจุเสร็จสิ้นแล้ว  ช่างทำการปิดพระอุระอย่างถาวร
           เมื่อมีการสร้างพระประธานองค์ใหม่ภายในอุโบสถ  พระพุทธรูปโบราณสององค์  ก็ถูกขโมยถอดพระเศียรไป  เนื่องจากสามารถถอดออกได้  ของเก่าหล่อด้วยโลหะสัมฤทธิ์ฝีมืองดงามมาก    ต่อมาช่างได้ทำของใหม่สวมไว้แทนของเก่าที่ถูกขโมยไปแต่ฝีมือทำได้ไม่เหมือนนัก  จึงดูไม่เข้ากับยุคสมัยเท่าที่ควร  ต่อมาทางวัดได้ทาสีพระพุทธรูปโบราณทั้งสององค์  ซึ่งถ้าหากไม่รู้ก็จะดูเป็นของใหม่   ที่วัดบ้านบกมีพระพุทธรูปโบราณ  อายุไม่ต่ำกว่า  ๓๐๐–๔๐๐ ปี  ฝีมือชาวล้านช้าง  เป็นมรดกตกทอดมาให้เห็นดังเช่นทุกวันนี้

ชุมชนวัดจันทร์นครในอดีต มีชุมชนอยู่  ๒ ชุมชนซึ่งอยู่ในหมู่บ้านเดียวกัน  ได้แก่

             ๑. ชุมชนที่ประกอบด้วย  บ้านบกและบ้านแดงจะมีภาษาพูดเป็นภาษาลาว  มีวัฒนธรรมคล้าย ๆ  ชาวลาว  เนื่องจากเป็นกลุ่มชนที่ เมื่อครั้งที่ไทยชนะศึกสงครามที่    เวียงจันทน์  แล้วหลวงปราบได้กวาดต้อนเอาพลเมืองชาวลาวกลับมาด้วย  โดยเฉพาะได้นางคำเวียง  หญิงหม้ายตระกูลสูงพร้อมบริวารให้มาพำนักตั้งหลักแหล่งอยู่  ณ  บ้านบก  โดยท่านได้นางคำเวียง  เป็นภรรยา   ซึ่งลูกชายติดนางคำเวียงมาด้วยก็คือ  "พระไกร "  หรือ  พระยาขุขันธ์ภักดีศรีนครลำดวน  เจ้าเมืองคนที่  ๓  นั่นเอง  ซึ่งยังมีทายาทเชื้อสายชาวลาวปรากฏอยู่  ณ  ชุมชนบ้านบกและบ้านแดงจนทุกวันนี้
                         
             ๒. ชุมชนที่อยู่คุ้มทิศตะวันตกของวัดจันทร์นคร  เป็นชนเผ่าที่พูดภาษาเขมร  เรียกคุ้มบ้านนี้ว่าคุ้มบ้านวัง  หรือบ้านเวียง ( ซรกกะนงเวียง )  เป็นบ้านที่อยู่ของเจ้าเมืองขุขันธ์เดิม