วันอังคารที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

ประวัติของวัดโสภณวิหาร ตำบลกันทรารมย์ อำเภอขุขันธ์ จังหวัดศรีสะเกษ

              วัดโสภณวิหาร เดิมชื่อ "วัดรมฺปุก"(វត្តរំពុក) ตั้งขึ้นราวๆ พ.ศ. 2410 ก่อนการตั้งเมืองกันทรารมย์( พ.ศ. 2415) นับเป็นวัดเก่าแก่ที่สุดของชุมชนแถบนี้ สันนิษฐานว่า วัดนี้น่าจะสร้างขึ้นโดยญาติพี่น้องในตระกูลเจ้าเมืองท่านแรกของเมืองกันทรารมย์ คือ พระกันทรานุรักษ์ (พ.ศ. 2415-2436) ซึ่งจะปรากฎหลักฐานธาตุเจดีย์บรรจุอัฐิเก่าแก่ขนาดใหญ่ของตระกูลเจ้าเมืองในบริเวณรอบๆพระอุโบสถโบราณที่ยังคงความงดงามล้ำค่า และโดนเด่นอยู่ใจกลางวัด ซึ่งชาวบ้านเรียกกันในปัจจุบันว่า "โสภณวิหาร" ในพระอุโบสถมีพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ประดิษฐานอยู่ชื่อว่า "พระพุทธโสภณ" เป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจแก่ชุมชนนี้ตลอดมา และนอกจากนี้ภายในพระอุโบสถยังพบพัทธสีมาโบราณจำนวน 6 องค์สถิตอยู่ภายในพระอุโบสถอีกด้วย

พระอุโบสถวัดโสภณวิหาร-ภาพเก่า
พระอุโบสถวัดโสภณวิหาร-ภาพก่อน พ.ศ. 2557
พระอุโบสถวัดโสภณวิหาร-ภาพตั้งแต่ พ.ศ. 2557 -ปัจจุบัน

              ต่อมาในปี พ.ศ. 2494 พระอุปัชฌาย์เสียง หริจันโท เจ้าอาวาสวัดร็วมปุก ในขณะนั้นได้รวบรวมพลังศรัทธาจากชาวบ้านในตำบลกันทรารมย์ได้ร่วมกันสละกำลังกายและกำลังทรัพย์บูรณะพระอุโบสถหลังนี้ขึ้น ให้สวยงามยิ่งขึ้นดังที่เราได้เห็นกันอยู่ในปัจจุบัน







คำขวัญตำบลกันทรารมย์
"กันทรารมย์"เมืองเก่า 
มีเสาหลักเมืองโบราณ
โสภณวิหารงามล้ำค่า 
ถิ่นภูมิปัญญานักปราชญ์
ทวยราษฎร์ใฝ่ธรรม 
น้อมนำพัฒนารักสามัคคี"

หมายเหตุ คำว่า คำว่า " ร็วมปุก" (រំពុក)​เป็นคำภาษาขอมโบราณในท้องถิ่นเมืองกันทรารมย์ในอดีต(ต่อมาชาวบ้านได้ออกเสียงคำนี้เพี้ยนมาเป็น "ลำพุก" จนถึงปัจจุบัน)  เป็นชื่อเรียกของต้นไม้หายากชนิดหนึ่ง ซึ่งเป็นต้นไม้ที่เคยพบขึ้นอยู่มากในแถบนี้ ปัจจุบันพบขึ้นอยู่ในแถบพื้นที่ของอำเภอสังขะ จังหวัดสุรินทร์ ซึ่งปัจจุบันเกือบจะสูญพันธุ์ไปหมดแล้ว  มี 2 สายพันธุ์ ได้แก่ ร็วมปุกซอ(រំពុកស) คือสายพันธุ์ลำต้นสีขาว และร็วมปุกกรอ-ฮอม(រំពុកក្រហម) คือสายพันธุ์ลำต้นสีแดง  มีสรรพคุณทางสมุนไพรเขมรหลากหลาย แต่มักพบนำมาผสมเข้ากับยาสมุนไพรจำพวกพวกกษัยเส้น แก้ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ เป็นต้น  

ขอขอบคุณผู้ให้ข้อมูล : นายเคลื่อน  บุญเครือ
                                          ภูมิปัญญาท้องถิ่น ต.กันทรารมย์ 

ผู้เรียบเรียง : นายสุเพียร  คำวงศ์ 
                        รองประธานสภาวัฒนธรรมอำเภอขุขันธ์

วันพุธที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

มิลินทปัญหา คลิกเดียวชมได้ทุกตอนจนจบ ตั้งแต่ตอนที่ ๑ - ๘

มิลินทปัญหา ตอนที่ ๑ - ๘

             แอนิเมชั่นนี้เคยถูกนำออกอากาศทางสถานีโทร­ทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7 ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 18.00 น.ตอนละ 15 นาที โดยมีความร่วมมือกันระหว่าง คณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร และ บริษัทธีร์ โฮลดิ้ง จำกัด ได้นำ " มิลินทปัญหา " มาสร้างเป็นการ์ตูนแอนิเมชั่น และถูกถ่ายทอดเป็นภาพถ่ายทอดเรื่องราว โดยบริษัท แอพริฌิเอท เอ็นเตอร์เทนเมนต์ จำกัด

             พระเจ้าเมนันเดอร์ที่ 1 (อังกฤษ: Menander I Soter) เป็นที่รู้จักกันในวรรณกรรมภาษาบาลีว่าพระเจ้ามิลินท์ เป็นพระมหากษัตริย์อินโด-กรีก (165[1]/155[1]-130 ปี ก่อน ค.ศ.) ผู้ก่อตั้งอาณาจักรขนาดใหญ่ในภูมิภาคเอเชียใต้และกลายเป็นผู้อุปถัมภ์ศาสนาพุทธ

             พระเจ้าเมนันเดอร์ทรงกำเนิดที่แถบคอเคซัส และทรงเป็นกษัตริย์พระองค์แรกของบักเตรีย ในที่สุดพระองค์ก็ก่อตั้งอาณาจักรในอนุทวีปอินเดีย ขยายออกจากที่ราบหุบเขาลุ่มแม่น้ำคาบูลทางทิศตะวันตกไปจรดแม่น้ำราวีทางทิศตะวันออก และจากที่ราบหุบเขาลุ่มแม่น้ำสวัตทางตอนเหนือไปสู่อะราโคเซีย (จังหวัดเฮลมันด์) เหล่านักบันทึกชาวอินเดียโบราณชี้ว่า พระองค์ได้ขยายอาณาจักรไปทางทิศใต้เข้ามาในรัฐราชสถานและขยายไปทางทิศตะวันออกถึงฝั่งล่างของแม่น้ำคงคาที่เมืองปาฏลีบุตร (ปัฏนา) และสตราโบนักภูมิศาสตร์กรีกเขียนไว้ว่า “(พระองค์พิชิตรัฐ (ในอินเดีย) ได้มากกว่าพระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราช”
             ตัวเลขขนาดใหญ่ในเหรียญของพระองค์ที่ถูกค้นพบ ยืนยันถึงการค้าที่เจริญรุ่งเรืองและช่วงระยะเวลาของอาณาจักรพระองค์ พระเจ้าเมนันเดอร์ยังได้เป็นผู้อุปัฏภัมภ์พระพุทธศาสนา และบทสนทนาของพระองค์กับพระนาคเสน พระเถระนักปราชญ์ชาวพุทธ ก็ถูกบันทึกไว้เป็นผลงานสำคัญทางพระพุทธศาสนาชื่อ "มิลินทปัญหา" (ปัญหาของพระเจ้ามิลินท์) หลังจากที่พระองค์สวรรคตในปี 130 ก่อน ค.ศ. พระมเหสีของพระองค์พระนามว่า อะกาทอคลีอา (Agathokleia) ก็รับช่วงต่อโดยเป็นผู้สำเร็จราชการแผ่นดินแทนพระโอรสของพระองค์พระนามว่า สตราโต ที่ 1 (Strato I ) การบันทึกของพระพุทธศาสนาบอกว่าพระองค์ส่งมอบอาณาจักรไปสู่พระโอรสและปลีกตัวเองจากโลก แต่พลูตราชบันทึกว่าพระองค์สวรรคตในค่ายในขณะที่มีการออกรบทางทหาร และยังบอกว่า พระอัฏฐิของพระองค์ถูกแบ่งออกเป็นส่วนเท่าๆกันเพื่อเมืองต่างๆเพื่อนำไปประดิษฐานในอนุสรณ์สถาน อาจจะเป็นสถูปทั่วทั้งอาณาจักรของพระองค์
             ดินแดนของพระองค์ครอบคลุมทางภาคตะวันออกของบัคเตรียเป็นจักรวรรดิกรีกที่แยกออกมา (ทุกวันนี้คือ จังหวัดบัคเตรียBactria Province) และขยายไปยังอินเดีย (ทุกวันนี้คือ ภูมิภาคของจังหวัด Khyber Pakhtunkhwa และ จังหวัด ปัญจาบ Punjab ของปากีสถาน ส่วนในอินเดียครอบคลุมรัฐ Haryana และส่วนพื้นที่ของ Himachal Pradesh และรัฐ Jammu ) เมืองหลวงคาดกันว่าเป็นเมืองสาคละ sagala เป็นเมืองที่เจริญรุ่งเรืองในภาคของรัฐปัญจาบ (เชื่อกันว่า ปัจจุบันคือเมือง Sialkot ในปากีสถาน)

เอกสารอ้างอิง : 
Bopearachchi (1998) and (1991), respectively. The first date is estimated by Osmund Bopearachchi and R. C. Senior, the other Boperachchi