วันอาทิตย์ที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

ศาลหลักเมืองโบราณของเมืองขุขันธ์

ศาลหลักเมืองโบราณของเมืองขุขันธ์ ตั้งอยู่มุมสี่แยกตลาดขุขันธ์ และอยู่มุมตะวันตกเฉียงใต้ของวัดกลาง  วัดอัมรินทราวาส  ในเขตเทศบาลตำบลห้วยเหนือ  ส่วนจะสร้างสมัยเจ้าเมืองท่านใดไม่ปรากฏหลักฐานที่แน่ชัด  แต่ประเพณีการสร้างศาลหลักเมืองมักนิยมตั้งพร้อมการสร้างเมือง  เนื่องจากจวนเจ้าเมืองและที่ทำการต่าง ๆ มีการย้ายบ่อยตามคุ้ม หรือตามถิ่นฐานของผู้ที่จะดำรงตำแหน่งเจ้าเมือง  แม้แต่การตั้งเมืองขุขันธ์ครั้งแรกพงศาวดารตอนหนึ่งได้กล่าวไว้ว่า  ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ให้ตากะจะเป็นหลวงแก้วสุวรรณ  ยก "บ้านปราสาทสี่เหลี่ยมโคกลำดวน" ขึ้นเป็นเมือง ชื่อว่า "เมืองขุขันธ์ "

 

หลักเมืองขุขันธ์  เดิมทีชาวบ้านเรียกว่า  “อารักษ์กลางมืง” หรือ "ตากลางเมือง" (ภาษาเขมรท้องถิ่นอำเภอขุขันธ์) แปลเป็นภาษาไทยได้ความว่า  “เทพารักษ์กลางเมือง”  ต่อมาเรียกว่า “หลักเมือง”  ภายในศาลมีเสาหลักเมืองโบราณ  สูงจากพื้นถึงยอดเสาประมาณ 140 ซม.  และมีก้อนหินเก่าแก่สองก้อนตั้งอยู่ข้างๆ  แต่เดิมเป็นศาลไม้หลังเล็ก ๆ ประมาณ 60 ปีที่ผ่านมา  ชาวจีนตลาดขุขันธ์ได้ร่วมกันสร้างอาคารครอบศาลขึ้นมาใหม่  ดังที่เห็นกันอยู่ในปัจจุบันนี้  และมีการซ่อมแซมมาโดยตลอด   
แต่เดิมในเดือนธันวาคมของทุกๆปี  ชาวอำเภอขุขันธ์จะประกอบพิธีเซ่นไหว้บูชาหลักเมือง และต่อมาในปัจจุบัน ชาวอำเภอขุขันธ์ได้มีการประกอบพิธีบูชาหลักเมืองร่วมด้วยในงานเทศกาลแซนโฎนตาของเมืองขุขันธ์เป็นประจำทุกปี 

                  สมัยก่อนข้าราชการที่เดินทางมารับตำแหน่งต่าง ๆ  ของเมืองขุขันธ์ โดยเฉพาะนายอำเภอ  จะต้องมาเซ่นไหว้บอกกล่าวทุกคน ข้าราชการที่ย้ายมาจากภาคกลางกลัวมากเรื่องไข้ป่า  บางคนย้ายมาอยู่จนกระทั่งได้ย้ายกลับจะไม่ยอมให้ครอบครัวมาด้วยเลยเนื่องจากกลัวไข้ป่าจะเอาชีวิตนั่นเอง  ปัจจุบันทุกอย่างได้เปลี่ยนแปลงไปตามความเจริญของบ้านเมือง  เรื่องราวในอดีตจึงเป็นเพียงคำบอกเล่าต่อ ๆ กันมาเท่านั้น

การแก้บนหลักเมือง  นอกจากการแก้บนด้วยหัวหมู  สุรา  บุหรี่  อาหารคาวหวานแล้ว  สมัยก่อนมีการแก้บนด้วย  ลิเก  และภาพยนตร์  เมื่อประมาณ ๔๐ ปีที่แล้ว คุณยายทองนาค  กองทอง  คุ้มบ้านภูมิใต้  เคยนำลิเกมารำถวายหลักเมืองหลายครั้ง

การแก้บน คือ การบนบานศาลกล่าวในสิ่งที่มีความทุกข์ร้อน  หรือต้องการให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์บันดาลให้  เมื่อสำเร็จแล้วก็มีการแก้บนตามคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้ ทุกวันนี้การแก้บนด้วยภาพยนต์  และลิเกไม่มีให้เห็นอีกแล้ว  และศาลหลักเมืองก็ได้ชำรุดทรุดโทรมไปตามกาลเวลาและอยู่บริเวณสถานที่คับแคบ รอการบูรณะใหม่จากชาวขุขันธ์เพื่อให้เป็นที่เชิดหน้าชูตาของบ้านเมืองซึ่งกำลังเจริญขึ้นตามยุคสมัย  ให้สมกับเป็นสถานที่ยึดเหนี่ยวติดใจ  อันเก่าแก่ที่ทรงคุณค่าคู่เมืองขุขันธ์อีกด้วย